“ราชกิจจานุเบกษา” ผ่อนคลายสวมแมสก์ตามความสมัครใจ มีผลทันที

ราชกิจจานุเบกษา, สวมแมสก์, หน้ากากอนามัย, ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย, สถานบันเทิง, โควิด-19, มาตรการผ่อนคลาย, บาร์, ผับ

"ราชกิจจานุเบกษา" เผยแพร่ ประกาศผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัยตามความสมัครใจ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดบริการได้ มีผลทันที 23 มิถุนายน 2565

“ราชกิจจานุเบกษา” เผยแพร่พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 46) ประกาศ ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัยตามความสมัครใจ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดบริการได้ มีผลทันที 23 มิถุนายน 2565 ติดตามต่อได้ที่นี่ TOP News

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 “ราชกิจจานุเบกษา” เผยแพร่ข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 46) ความว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ปัจจุบันได้คลี่คลายลงและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวลดลงเป็นลำดับ จนสามารถผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดำรงชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับปกติ 

 

 

 

รวมไปถึงการผ่อนคลายข้อจํากัดเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศจากเดิมที่เคยกําหนดเป็นมาตรการสกัดกั้นเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน โดยปรับให้สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล เพื่อรับผู้เดินทางจากทั่วโลก การดําเนินการตามแผนและมาตรการจัดการด้านสาธารณสุขทั้งหลายนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic ที่จะประกาศให้เป็นโรคติดต่อทั่วไป

 

 

 

ในการนี้ ฝ่ายสาธารณสุขจึงเห็นสมควรพิจารณาปรับลดระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่กับการคงดําเนิน มาตรการที่จําเป็นสําหรับป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อควบคุมการระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

 

ราชกิจจานุเบกษา, สวมแมสก์, หน้ากากอนามัย, ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย, สถานบันเทิง, โควิด-19, มาตรการผ่อนคลาย, บาร์, ผับ

 

 

 

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคําแนะนําของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) (ศบค) ดังต่อไปนี้

 

 

 

1. การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และยกเลิกการกําหนดพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว

  • ให้ ศบค. มีคําสั่งปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจําแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล
  • โดยให้นํามาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กําหนดไว้สําหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้
  • ให้ยกเลิกการกําหนดพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยวตามคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 10/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 และข้อกําหนดที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

 

 

 

 

2. การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค

  • ให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสําหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้ง มาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564
  • ข้อกําหนด (ฉบับที่ 44) ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565 เฉพาะการปรับปรุงมาตรการควบคุม แบบบูรณาการและการปรับปรุงการกําหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
  • ข้อกําหนด (ฉบับที่ 45) ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เฉพาะมาตรการควบคุมและป้องกันโรคสําหรับสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกําหนดขึ้นภายใต้ข้อกําหนดดังกล่าว ยังคงมีผลใช้บังคับ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดนี้

 

 

 

 

ราชกิจจานุเบกษา, สวมแมสก์, หน้ากากอนามัย, ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย, สถานบันเทิง, โควิด-19, มาตรการผ่อนคลาย, บาร์, ผับ

3. การผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร

  • เพื่อให้ประชาชนสามารถดําเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติยิ่งขึ้น จึงสมควรผ่อนคลายข้อจํากัด ในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
  • โดยยกเลิกความในข้อ 1 แห่งข้อกําหนดออกตาม ความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564
  • การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าให้เป็นการปฏิบัติโดยความสมัครใ
  • โดยขอให้ประชาชนพิจารณาประโยชน์ตามข้อมูลที่ฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธี เป็นประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิดและโรคติดเชื้อ ทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ
  • รวมทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ

 

 

 

กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จึงมีข้อแนะนําให้ประชาชนทั่วไป

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจํานวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดีเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อหรือรับเชื้อ
  • กรณีเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้อโควิด – 19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต (กลุ่ม 608) หรือผู้ที่มีโรคประจําตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ
  • กรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด – 19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด – 19 จําเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่โรค

 

 

 

4. การผ่อนคลายมาตรการสําหรับการเคลื่อนย้ายและการเดินทางของแรงงานต่างด้าวทั่วราชอาณาจักร

  • เพื่อให้การดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติมากยิ่งขึ้น ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณาผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ตามความในข้อ 8 แห่งข้อกําหนด (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564
  • โดยให้การเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อการทํางานข้ามเขตจังหวัด และการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อการทํางานภายในเขตจังหวัด สามารถดําเนินการภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดําเนินการได้ตามปกติ

 

 

ราชกิจจานุเบกษา, สวมแมสก์, หน้ากากอนามัย, ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย, สถานบันเทิง, โควิด-19, มาตรการผ่อนคลาย, บาร์, ผับ

5. แนวปฏิบัติสําหรับการถ่ายทํารายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์

6. การผ่อนคลายมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่เฝ้าระวัง

  • ให้พื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ดําเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพื่อการเปิดสถานที่ กิจการ หรือ กิจกรรมในพื้นที่สถานการณ์ที่จําแนกเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ตามที่ได้กําหนดไว้ในข้อ 3 แห่งข้อกําหนด (ฉบับที่ 44) ลงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565 และข้อ 3 แห่งข้อกําหนด (ฉบับที่ 45) ลงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 โดยให้ปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ดังนี้

 

 

 

            (1) ร้านจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการจําหน่ายและการบริโภคสุราหรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ โดยต้องดําเนินการภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่กําหนด หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดําเนินการไว้ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เงื่อนไขการจัดระเบียบ และระบบต่าง ๆ และคําแนะนําของทางราชการ

(2) สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดให้บริการได้ โดยต้องดําเนินการภายใต้ กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดําเนินการไว้ และต้องปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันโรค เงื่อนไขการจัดระเบียบ และระบบต่าง ๆ และคําแนะนําของทางราชการ

 

 

 

 

7. มาตรการเฝ้าระวังเพื่อการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่เฝ้าระวัง

  • การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลจํานวนมาก ให้สามารถทําได้ตามความเหมาะสมโดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกําหนดอย่างเคร่งครัด
  • ทั้งนี้ กรณีการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลจํานวนรวมกันมากกว่าสองพันคน ให้ผู้รับผิดชอบแจ้งการจัดกิจกรรมต่อคณะกรรมการ โรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อเป็นมาตรการเฝ้าระวัง และกํากับติดตามมิให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อน (Cluster)

 

ราชกิจจานุเบกษา, สวมแมสก์, หน้ากากอนามัย, ผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย, สถานบันเทิง, โควิด-19, มาตรการผ่อนคลาย, บาร์, ผับ

ข้อมูล : ratchakitcha

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น