๑๙ มิ.ย. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีนายใหญ่คนแดนไกล ได้รับเชิญจาก THE MOTIVE องค์กรด้านสื่อและภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมเสวนาออนไลน์ ในหัวข้อ “SCENARIO PATANI” ภาพอนาคตปาตานี / ชายแดนใต้ งานนี้ทักษิณได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดยกล่าวยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา ช่วงที่เป็นนายกฯการแก้ไขปัญหาภาคใต้สมัยตนเองนั้น เน้นเรื่องความมั่นคงมากเกินไป ตอนหลังจึงพบว่ามันไม่ถูกต้อง เลยคิดว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง แต่ตอนนั้นก็ถูกปฏิวัติเสียก่อน แล้วก็ได้ไปพูดคุยกับผู้นำบางท่านที่มาเลเซีย เพราะอยากจะเห็นการพุดคุยกัน
“วันนี้เราใช้เงินไปหลายแสนล้านกับทางทหาร แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย และสูญเสียชีวิตพี่น้องทหารไปหลายคน วันนี้ต้องเอางบประมาณตรงนั้นมาพัฒนา ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจะดีที่สุด…..ผมมั่นใจว่าถ้ายอมรับความจริงกับสิ่งที่มีอยู่ปัจจุบัน แล้วพยายามหาศักยภาพของการพัฒนาของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะใช้ซอฟต์ พาวเวอร์เข้าไป ใช้เทคโนโลยีเข้าไป ใช้การพัฒนาความเจริญโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ผมเชื่อว่ามันคุ้มค่ากว่าที่จะใช้เงินสำหรับการทหารเท่านั้น ผมมองว่าที่ผ่านมา ๑๐ กว่าปี แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลยกับงบประมาณที่เสียไป…..ผมจำได้ว่าเคยไปตรวจในยามนั้น เขตที่อันตรายที่สุด ผู้บังคับกองพันตอนนั้นคือ พ.ท.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ ต่อมาคือ ผบ.ทบ. ผมไปแบบไม่มีใครรู้เรื่อง ไปตรวจแล้วไปขอนอนที่นั่นเลย ยังยืมผ้าปูที่นอนนายอำเภอมา และไปกินไข่ต้มของทหารที่ค่าย ” คำพูดทักษิณดูสวยหวานแต่การกระทำทุกอย่างล้วนตรงข้ามกัน
ออกตัวขอโทษที่ทำผิดพลาดเสร็จ ทักษิณก็คุยโวตามนิสัยงวดนี้ยก “ยูเออีโมเดล” มาขายฝันให้คน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุยโม้ในทำนองว่า มั่นใจว่าถ้ามีการพุดคุยกัน ใช้การเมืองนำการทหาร เหตุการณ์ในภาคใต้จะสงบแล้วจะหาแนวทางการพัฒนาร่วมกันได้ ดูตัวอย่างจาก ยูเออี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ๕๐ ปี จากทรายทั้งนั้น วันนี้มีความเจริญมากมาย เพราะการที่ทุกแคว้นทั้ง ๗ มีการพูดคุยและสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงทำให้ยูเออีเจริญมากในวันนี้ กลายเป็นว่ามีเศรษฐีจากหลายประเทศบินมาอยู่ที่ยูเออี เพราะ ๑.กฎหมายเป็นกฎหมาย ๒.ความสงบสุขเขาดีมากและกติกาทุกอย่างชัดเจน ขึ้นต้นทำท่าเหมือนดีแต่สุดท้ายก็วกกลับมายกหางสร้างภาพให้ตัวเอง หนีจากบ้านเกิดเมืองนอนเพราะทำผิดเป็นโคตรโกง แต่ไปอวยแผ่นดินอื่นเมืองนอกว่าสูงส่ง ชังชาติเข้าไส้จนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ยอเมืองแขกไม่ขาดคำ พล่ามเรื่องเก่าสมัยอยู่แล้วไม่ทำแบบโม้ไม่หยุด ปิดฉากก่อนจบยังโยนเผือกร้อนให้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ด้วยการชูไอเดีย “เขตปกครองพิเศษ – ปกครองตนเอง” เอาใจกลุ่มตรงข้ามรัฐ พวกก่อการร้ายเข้าไปอีก “ วันนี้ยังมองเห็นศักยภาพของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมมาเลเซียพัฒนาได้ เราจะพัฒนาไม่ได้ สิ่งนี้คือ something wrong กับเรา ก็คือต้องไปดูว่าปัญหาปัจจุบัน รับและกล้าเปลี่ยนแปลงไหม เช่น เรื่องของการเป็นเขตปกครองพิเศษ และให้คนพื้นที่ได้รับการเลือกตั้งมานั่งทำงาน โดยที่ทางฝ่ายรัฐก็เป็นพี่เลี้ยง ช่วยกันไปจนมันลงตัว เมื่อลงตัวแล้วก็เป็นการปกครองตัวเองได้ แล้วเชื่อว่า ตรงนั้นเขาพูดภาษาเดียวกัน มีวัฒนธรรมเดียวกัน ทุกอย่างจะทำให้การพัฒนาเป็นไปด้วยดี ผมขอฝากการบ้านตรงนี้ไว้ ” โทนี่ วู้ดซั่มทิ้งท้าย พูดเก่งพูดเอามันส์พูดเข้าข้างตัวเอง ทักษิณถนัดทักษิณช่ำชอง เป็นนายกฯมา ๒ สมัย บริหารประเทศมาเกือบ ๖ ปีเศษ จนถึงวันนี้ไม่มีครั้งไหนคราวใดที่ทักษิณจะยอมรับแบบแมนๆ ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุไฟใต้ ที่ฉิบหายแก้กันไม่มีวันจบ ก็เพราะความเลวระยำของผู้นำอุบาทว์ผสมกับความอัปรีย์ของนโยบายรัฐบาลยุคคุณมึงนั้นแหละ
ใครลืมเรื่องไฟใต้ว่าสมัยทักษิณเรืองอำนาจทำเลวทรามต่ำช้าอย่างไร เกิดเหตุการณ์อะไรสำคัญบ้าง เราจะย้อนอดีตยุคทักษิณเป็นนายกฯ ๒ สมัยตั้งแต่ ๙ ก.พ. พ.ศ. ๒๕๔๔ จนถึงถูกรัฐประหาร ๑๙ ก.ย. พ.ศ. ๒๕๔๙ รวม ๕ ปี ๒๒๒ วัน ทักษิณทำความเลวระยำอะไว้บ้างที่เป็นสาเหตุให้ไฟใต้ไม่เคยมอดดับ หลังเข้ามาเป็นนายกฯได้ปีเศษ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๕ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยุคที่มีพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็นผบ.ตร. เสนอยุบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้เกือบทั้งหมด รวมถึง ๒ หน่วยสำคัญที่เป็น “มือ-ไม้” ในการดับไฟใต้มาทุกยุคทุกสมัย คือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นคนดูแล และ กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ ๔๓ หรือ พตท.๔๓ ที่กองทัพบกโดยทหารเป็นคนรับผิดชอบ
๒ หน่วยนี้ถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาคใต้มายาวนาน ศบ.บต.เป็นฝ่ายบุ๋นรับผิดชอบดูแลมวลชนทุกข์สุขของชาวบ้าน ขณะที่พตท.๔๓ คือฝ่ายบู๊รับหน้าที่สู้รบกับขบวนการก่อการร้ายดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ชาวบ้าน ข้าราชการ ๒ หน่วยพลเรือนกับทหารทำงานช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบ่งเบาภาระ แม้จะมีช่องโหว่มีรูรั่วบ้างแต่ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของหน่วยราชการ ภาพรวมไม่ใช่ผลาญงบไปเปล่าๆ หรือไร้ประสิทธิภาพไปเสียหมด ต่อเมื่อไม่เป็นที่ถูกใจทักษิณที่ตอนนั้นอำนาจกำลังร้อนบารมีกำลังขึ้นหม้อใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง รวมถึงกำลังบ้าเห่อรัฐตำรวจมีอะไรยกให้ตำรวจทำหมด บวกกับเชื่อมั่นข้อมูลจากฝ่ายตำรวจใกล้ชิดว่า สถานการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ตำรวจเอาอยู่ ที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็น “โจรกระจอก” ไม่ใช่ขบวนการก่อการร้ายแต่อย่างใด ที่สุดทั้งศอ.บต.และ พตท. ๔๓ จึงถูกยุบไปโดยปริยาย ภายหลังก็เลยเกิดช่องว่างความสัมพันธุ์ของเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านเกิดช่องโหว่ในการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายรัฐกับชาวบ้าน ขบวนการก่อความไม่สงบก่อแทรกซึมเข้าไปบ่มเพาะความคิดเลวร้ายจนทำให้คนหลงผิด
หลายปีก่อนพล.อ.อภิรัชต์ เคยบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ตอนหนึ่งก็พูดถึงเรื่องสาเหตุไฟใต้ชัดเจนว่า เหตุการณ์ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดมาเป็นเวลา ๕๐-๖๐ ปีแล้ว แต่มาหนักในช่วงปี ๒๕๔๕ (สมัยทักษิณ ) สาเหตุเพราะรัฐบาลยุคนั้นประกาศยุบศอ.บต. และพตท.๔๓ แถมยังประกาศว่าไม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้ว พวกที่เหลือเป็นแค่โจรกระจอก หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุรุนแรงก็เริ่มก่อเหตุยุทธการณ์ใบไม้ร่วง ที่มีเจ้าหน้าที้ตำรวจ ทหารเป็นเป้าหมายหลัก มีการเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก มีการบุกปล้นปืน อย่างเหตุการณ์สำคัญ เมื่อปี ๒๕๔๗ ที่มีผูัก่อการร้ายนับร้อยบุกโจมตีกองพันพัฒนาที่ ๔ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ทหารถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม อาวุธปืนถูกปล้นไปหลายร้อยกระบอก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรอบใหม่ จนทำให้กองทัพบกต้องได้จัดทหารเข้าไปวางกองกำลังในพื้นที่ภาคใต้ใหม่
หลังทักษิณปรับแนวแก้ไขปัญหาไฟใต้ใหม่ด้วยการยุบศอ.บต.และพตท.๔๓ ใช้สมมุติฐานดูเบาพวกที่ก่อเหตุเป็นแค่ “โจรกระจอก” ไม่ใช่พวกผู้ก่อการร้าย มีการไล่ทหารไปดูชายแดนให้ตำรวจบ้านมาดับไฟใต้แทน สถานการณ์ความรุนแรงก็ค่อยๆบ่มเพาะตัวมาตลอด กลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบก็ค่อยๆสะสมกำลังมาเรื่อยๆ ก่อนทุกอย่างจะมาสุกงอมพร้อมปฏิบัติการในวันที่ ๔ ม.ค.๒๕๔๗ มีการก่อเหตุเผาโรงเรียน ๒๐ แห่งในจ.นราธิวาส เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนกลุ่มคนร้ายจะสบช่องบุกกองพันพัฒนาที่ ๔ สังหารทหารเสียชีวิตไป ๔ นาย ขโมยปืนในคลังไป ๔๑๓ กระบอก ที่ภายหลังถูกนำมาใช้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ต่างๆ เหตุการณ์ดังกล่าวถูกยกให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของไฟใต้รอบใหม่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังขบวนการก่อการร้ายก่อเหตุสะท้านแผ่นดินบุกตบหน้าทักษิณแสดงฝีมือโจรกระจอกให้ผู้นำประจักษ์ ทักษิณฟิวส์ขาดถึงขั้นด่ากราดว่า “ ถ้ามีทหารทั้งกองพันแล้วยังไม่ระวัง อย่างนั้นก็สมควรตาย” จากนั้นมาไฟใต้ก็ปะทุไม่หยุดและเกิดเหตุการณ์รุนแรงและสำคัญอีกหลายครั้ง ๑๒ มี.ค.๒๕๔๗ สมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมกฎหมายมุสลิม ซึ่งรับหน้าที่เป็นทนายในคดีความมั่นคงในชายแดนภาคใต้ถูกอุ้มลักพาตัวหายไป
คล้อยหลัง ๓ เดือนเหตุการณ์ปล้นปืน เช้าตรู่ตี ๕ ของวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ เกิดเหตุบุกโจมตีที่มั่นทางทาง ๑๑ จุดใน ๓ จังหวัด ปัตตานี ยะลา สงขลา แต่จุดใหญ่ที่สุดคือมัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ที่มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหลบเข้าไปใช้เป็นที่กำบังต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ สมัยนั้นฝ่ายความมั่นคงมี “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นรองนายกฯ มี “บิ๊กตุ้ย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับทักษิณเป็นผบ.ทบ. ขณะที่ผู้บัญชาเหตุการณ์ในตอนนั้นคือ “บิ๊กลภ” พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.กอ.รมน. มี “บิ๊กอ็อด” พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี เป็นแม่ทัพภาคที่ ๔ หลังล้อมอยู่นาน ๙ ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ใช้กำลังตอบโต้ โดยขว้างระเบิดสังหารและเกิดการปะทะกัน ผลการเข้าเคลียร์พื้นที่พบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ๓๒ คนเสียชีวิตในมัสยิด ขณะที่ตลอดทั้งวันที่มีการปะทะกันหลายจุดในวันนั้นมีคนเสียชีวิตรวม ๑๐๘ คน ในจำนวนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จำนวน ๕ คน และผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก หลังเกิดเหตุมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนมีสุจินดา ยงสุนทร เป็นประธาน ในรายงานระบุว่าคนร้ายมีเพียงมีดหลายเล่มและปืนกระบอกเดียวเท่านั้น ข้อมูลอีกด้านของสื่อฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลระบุว่าคนร้ายมีปืนเอ็ม ๑๖ เฮชเค ๓๓ ปืนเอ็ม ๗๙ พร้อมกระสุน ๓ ลูก ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ประเคนอาวุธหนักหลายชนิด ทั้งเอ็ม ๑๖ อาร์พีจีแบบหัวเจาะ ระเบิดสังหาร ปืนกลแม็ก ๕๘ แก๊สน้ำตา ฯลฯ หลังเหตุการณ์ทักษิณและรัฐบาลถูกโจมตีอย่างหนักว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ และอาจเป็นการโยนฟืนเข้ากองไฟที่ทำให้สถานการณ์ไฟใต้รุกไหม้หนักขึ้นไปอีก
และก็เป็นไปแบบนั้นจริงๆ เกิดเหตุร้ายถี่ขึ้น มิหนำซ้ำความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรก ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ เกิดเหตุชาวบ้านชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ๖ คนที่ถูกจับกุมตัวข้อหาสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบ ณ สภ.อ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีชาวบ้านมาชุมนุมนับพันคนนานหลายชั่วโมง ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนใช้ก้อนหินขว้างปาสถานีตำรวจ จนตำรวจ-ทหารต้องตัดสินใจปิดล้อมพื้นที่และเข้าสลายการชุมนุม ผลปรากฏว่าเกิดการปะทะและเหตุรุนแรงส่งผลให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ ๖ คน และถูกควบคุมตัวไปราว ๑,๓๗๐ คน ระหว่างทางลำเลียงผู้ชุมนุมไปตรวจสอบนี้แหละ เกิดเหตุผู้ชุมนุมแออัดทับกันบนรถบรรทุกนานกว่า ๖ ชั่วโมง หมดสติ หายใจไม่ออกส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีก ๘๕ คน
เจอ ๒ เหตุการณ์ใหญ่อย่าง กรือเซะ และ ตากใบ เข้าไป ทักษิณและรัฐบาลในตอนนั้นจึงเหมือนประกาศสงครามกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้บวกสงขลาไปโดยปริยาย แถมเป็นการทำสงครามที่ถูกชาวบ้านต่อต้านไม่ให้ความร่วมมือ ให้หลัง ๒ เหตุการณ์สะเทือนใจ ช่วงปี ๒๕๔๗ ต่อเนื่องถึงปี ๒๕๔๘ ไฟใต้จึงโหมกระพรือถึงขีดสุด มีการรบพุ่ง ก่อเหตุร้าย เผาทำลายวางระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน คนบริสุทธิ์สังเวยชีวิตเป็นเบือ ทหารตำรวจข้าราชการตายเป็นร้อย ๓ จังหวัดภาคใต้เข้าสู่แดนมิกสัญญี แทนที่ทักษิณจะให้ทหารที่มีความถนัดคุ้นชินกับชาวบ้านเป็นหลักสำคัญในการแก้ไขปัญหาร่วมกับข้าราชการมหาดไทยฝ่ายปกครอง แต่แล้วจู่ๆ ๒๑ ก.ค.๒๕๔๘ กลับสั่งยกเลิกกฎอัยการศึกใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ทหารไร้เครื่องมือทำงานผู้ก่อความไม่สงบเริงร่าเพราะมีการนำตำรวจบ้านใช้กฎหมายปกติมาจัดการแทน แต่ไฟใต้ก็ยังลุกโชนไม่หยุด ทหาร ตำรวจ ครู พระ ข้าราชการ แม้แต่ชาวบ้านก็ตกเป็นเป้าหมด ปลายปี ๒๕๔๘ ทักษิณเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ ๔ คนใหม่ให้พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ ขึ้นมาคุมสถานการณ์ หลังเห็นว่ากฎหมายปกติเอาไม่อยู่จึงมีการนำกฎอัยการศึกกลับมาใช้ใหม่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นไปไกลเกินกว่าจะเอาอยู่แล้ว
ปลายปี ๒๕๔๘ มีข่าวฮือฮาว่าทักษิณได้รับการประสานงานจากองค์กรเอกชนระหว่างประเทศให้พูดคุยกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน เสี่ยแม้วจึงมอบหมายให้ ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่เคยเป็นอดีตลูกหม้อศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) เดินทางไปพูดคุยกับสมาชิกพูโล ๒ กลุ่ม และ แกนนำกลุ่มบีไอพีพี ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่หลังจากการพูดคุยกัน ๒ ครั้ง คณะพูดคุยฝ่ายไทยประเมินว่าไม่น่าจะใช้ของจริงและได้ผลในทางปฏิบัติ กระบวนการพูดคุยจึงยุติลง ทักษิณพยายามสร้างภาพพูดคุยสันติมาตลอดทั้งๆที่กองทัพไม่เห็นด้วยค้านหัวชนฝาตลอด เพราะไม่ต้องการยกระดับกลุ่มก่อการร้ายให้มีตัวตน ไม่อยากให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ทุกยุคทุกสมัยกองทัพมีจุดยืนเรื่องนี้หนักแน่นชัดเจน ไม่เหมือนทักษิณที่หวังตีกินต้องการชุบมือเปิบหาเสียงทางการเมืองตลอด ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศข้ามไปปี ๒๕๔๙ ไฟใต้ก็ยังระอุไม่หยุด ๓๑ ส.ค.๒๕๔๙ เกิดเหตุวางระเบิด ธนาคาร ๒๒ จุดทั่วจ.ยะลา มีผู้เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บ ๓๐ คน ถัดมา ๑๖ ก.ย.๒๕๔๙ ไฟใต้ลามออกนอก ๓ จังหวัดเข้าไปใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเกิดเหตุวางระเบิดย่านการค้า ๔ จุดสำคัญ ส่งผลผู้เสียชีวิต ๕ คน บาดเจ็บ ๕๐ คน นักท่องเที่ยวหลายพันคนในหาดใหญ่โกลาหล มีข้อมูลระบุว่าตลอดระยะเวลาที่ทักษิณเป็นนายกฯ นับเฉพาะ ๓ ปีหลังที่ทักษิณลงมายุ่งกับเรื่องภาคใต้หนักๆ แก้นโยบายจนปวดหัว ยุบหน่วยผุดองค์กรใหม่อุตลุต ตั้งคณะกรรมการสารพัดชุด เปลี่ยนแม่ทัพนายกองย้ายนายตำรวจใหญ่ที่คุมใต้เป็นว่าเล่น รวมถึงทำผิดพลาดอย่ามหันต์แบบที่ไม่น่าให้อภัยได้อีกหลายเรื่องในการดับไฟใต้
ข้อมูลของศอ.บต.ระบุว่า ๓ ปียุคทักษิณมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ รวมทั้งกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตล้มตายจำนวนมาก พ.ศ.๒๕๔๗ มีการก่อเหตุ ๕๐๒ ครั้ง ชาวบ้านตาย ๑๘๐ คน เจ้าหน้าที่ตาย ๑๖๒ คน รวม ๓๔๒ คน พ.ศ.๒๕๔๘ มีการก่อเหตุ ๘๕๖ ครั้ง ชาวบ้านตาย ๓๔๐ คน เจ้าหน้าที่ตาย ๑๖๓ คน รวม ๕๐๓ คน พ.ศ.๒๕๔๙ มีการก่อเหตุ ๑,๐๔๖ ครั้ง ชาวบ้านตาย ๔๒๕ คน เจ้าหน้าที่ตาย ๑๘๔ คน รวมเสียชีวิต ๖๐๙ คน เบ็ดเสร็จ ๓ ปี ไปใต้ยุคทักษิณ คนตายรวม ๑,๔๕๔ คน นอกจากนี้ยังมีบาดเจ็บและพิการรวมกันแล้วกว่า ๒,๑๘๐ คน คล้อยหลังทักษิณถูก “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.นำผบ.เหล่าทัพในนามคมช. ปฏิวัติรัฐประหารก่อนทาบทามให้ “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ลูกพี่หมวกแดงมารับตำแหน่งสร.๑ เป็นนายกฯคนต่อไป หนึ่งในเรื่องแรกๆ ที่พล.อ.สุรยุทธ์ทำในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ คือการถอดสลักความผิดพลาดดึงหมุดของฝ่ายรัฐที่ปักอยู่กลางอกพี่น้องมุสลิมออกไปหลังกล่าว “ขอโทษ” พี่น้องชาวมุสลิมต่อเหตุการณ์ที่รัฐบาลของทักษิณได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวงไปในกรณีปิดล้อมปราบปรามในมัสยิดกรือเซะ และกรณีทำผิดซ้ำซากจนมีคนตายเกือบร้อยที่ตากใบ
“ ผู้นำชุมชนได้ขอร้องผมว่าให้กล่าวคำขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้นที่อำเภอตากใบ โดยธรรมเนียมของคนมุสลิมในช่วงที่ออกจากการถือศีลอดนั้น ต้องมีการขอโทษและให้อภัยกัน ผมก็ได้ขอโทษแทนรัฐบาลชุดที่แล้ว และในฐานะที่เป็นผู้นำของผู้บริหารรัฐบาลปัจจุบันก็ขอโทษในเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น และได้ชี้แจงให้ทราบถึงว่าการดำเนินการต่อกรณีตากใบนั้นได้ดำเนินการทั้งในส่วนของผู้ที่ก่อเหตุและผู้ที่ได้ดำเนินการในลักษณะที่ปราบปรามจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นโดยที่ไม่จำเป็น ….ผมขอโทษแทนเจ้าหน้าที่และรัฐบาลชุดที่แล้ว รัฐบาลชุดนี้ ขอยื่นมือออกไปแล้วบอกว่าผมเป็นคนผิด ผมขอโทษ ผมเคยเป็น ผบ.ทบ.มาก่อน และเคยพยายามคัดค้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่ไม่เป็นผล ถือว่าผมมีส่วนผิดด้วย ที่คัดค้านการยุบ ศอ.บต.ไม่สำเร็จ แต่วันนี้ พล.อ.สนธิ มาทำงานร่วมกัน น่าจะไม่มีปัญหาในทุกเรื่องเราจะหาทางแก้ไขจากง่ายไปหายาก จากเล็กไปหาใหญ่” ๒ พ.ย.๒๕๔๙ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวขอภัยต่อหน้าผู้นำชุมชุม ผู้นำมุสลิม รวมทั้งชาวบ้านกว่า ๑,๕๐๐ คน ณ โรงแรมซีเอสปัตตานี
วันนี้ทักษิณจะพูดอย่างไรให้สวยหรูจะโม้อย่างไรให้ดูดี ใครจะเชื่อลมปากนักโทษใครจะหลงคารมโคตรโกงก็ว่ากันไป แต่คนที่รู้ศึกษาประวัติศาสตร์ คนที่อยู่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนที่เป็นมุสลิมในพื้นที่เขารู้ดีไฟใต้ที่ลุกโชนจากอดีตจนถึงวันนี้ยังไม่ดับ ต้นเหตุความระยำมาจากไหน? ความผิดพลาดฉิบหายเกิดขึ้นในยุคใด ? แนวทางแก้ไขปัญหาสุดทุเรศแบบเปรตๆ พวกนี้มาจากใคร ? ก่อทุกข์เข็ญกับชาติซ้ำๆซากๆ นึกได้ตอนนี้มีชื่อเดียวที่คนไทยไม่เคยลืม
///////////////////