“ศาลปกครอง” สั่งกรมธนารักษ์ ยื่นข้อมูลท่อส่งน้ำEEC ภายใน 7 ก.ค.ก่อนพิพากษา

"ศาลปกครอง" สั่งกรมธนารักษ์ ยื่นข้อมูลท่อส่งน้ำEEC ภายใน 7 ก.ค.ก่อนพิพากษา

ติดตามต่อเนื่องกับปัญหาจากการประมูล จัดให้เช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในพื้นที่ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี , ระยอง มูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท เพราะวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 นี้ จะครบกำหนดอีกครั้ง หลังจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลั ง มีความเห็นขยายเวลาอีก 30 วัน ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ที่มี นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ และมีข้าราชการกรมธนารักษ์ นั่งเป็นกรรมการหลายคน ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ในเรื่องรายละเอียดขั้นตอนระบวนการการคัดเลือก ที่ยังเป็นข้อสงสัยและมีปรากฏออกมาในสาธารณะ

รวมถึงการตรวจสอบประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิเช่น ตรวจสอบปริมาณน้ำที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ำ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และเรื่องการใช้ปริมาณน้ำที่ถูกนำมาเป็นพื้นฐานในการออก TOR ซึ่งมีข้อโต้แย้งด้านข้อมูลจากฝ่ายเกี่ยวข้อง เพราะมีความแตกต่างของ TOR ในการเปิดประมูลครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 จนทำให้เกิดกระบวนการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

และศาลปกครอง เคยมีความเห็นผ่านหนังสือ ลงวันที่ 9 มีนาคม 2565 ระบุชัดเจนว่า กรณีนี้หากการคัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าทำสัญญาในโครงการดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป จนมีการลงนามในสัญญา ย่อมทำให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอในการประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมยื่นข้อเสนอครั้งแรกได้รับความเสียหาย

เนื่องจากมาตรา 119 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 บัญญัติให้การฟ้องคดีไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จึงย่อมทำให้การฟ้องคดีนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟ้องคดีในการแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากมติหรือคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกครั้งแรก

ประกอบกับโครงการพิพาทมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เอกชนบริหารจัดการและดูแลรักษาระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้น้ำของชุมชนและกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอและทันต่อการณ์ โดยบริหารจัดการเพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงที่มีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคตะวันออก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนี้ หากการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอาจเป็นอุปสรรคแก่การบริการสาธารณะด้านการให้บริการสาธารณูปโภค

ศาลจึงมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนตามข้อ 49/2 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543

ล่าสุด ทีมข่าว TOP NEWS สอบถามความคืบหน้ากับ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า โครงการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ตอนนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พิจารณา จากนั้นเมื่อครบกำหนดเวลา ก็จะมีการเสนอผลให้รมว.คลัง ทราบ แล้วรอว่าจะมีคำสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา

เมื่อสอบถามว่า หากครั้งนี้ตรวจสอบแล้ว ไม่ติดปัญหาอะไร ทางกรมธนารักษ์ จะเดินหน้าลงนามในสัญญาหรือไม่ นายประภาศ กล่าวว่า รอข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีก่อน ถ้าสมมติว่าไม่มีอะไร ท่านก็คงสั่งการให้กรมธนารักษ์ ดำเนินการต่อไป หรือว่าท่านจะสั่งไปที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้ในฐานะที่เป็นผู้กำกับกรมธนารักษ์ ให้พิจารณาอีกครั้ง

และถามความเห็นเรื่องการเซ็นสัญญา กับขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครอง ว่าจะมีการรอให้มีคำพิพากษาเป็นทียุติก่อนหรือไม่  อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวย้ำว่า ตอนนี้ขึ้นอยู่กับคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นสำคัญ

 

ส่วนความคืบหน้าในกระบวนการของศาลปกครอง อธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุว่า ทุกอย่างยังคงเดินไปตามปกติ หลังจากที่กรมธนารักษ์ยื่นข้อมูลประกอบการคำวินิจฉัย ศาลปกครองก็ไต่สวนไปตามกระบวนการ และทางศาลปกครอง ไม่มีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ด้วยให้ทุกอย่างไปหมดแล้ว ร ะหว่างนี้จึงอยู่ระหว่างการรอการการอ่านคำพิพากษาของศาลฯเท่านั้น เนื่องจาก ถ้าศาลไม่มีการขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่ได้เรียกใครไปไต่สวน ศาลปกครองก็สามารถวินิจฉัยคำร้องของอีสท์วอเตอร์ได้เลย ทั้งหมดขึ้นกับดุลพินิจของศาลฯ

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น ทีมข่าว TOP NEWS ได้รับข้อมูลว่าที่ผ่านมาศาลปกครอง ได้สั่งให้ผู้ถูกร้อง หรือ คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า / บริหารระบบท่อส่งน้ำภาค นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประมูล พร้อมกำหนดให้ยื่นข้อมูลดังกล่าว ภายในวันที่ 7 ก.ค. 2565 เป็นวันสุดท้าย เพื่อจะได้พิจารณาประกอบคำร้องให้แล้วเสร็จ โดยถ้าข้อมูลทั้งหมดมีความสมบูรณ์ ครบถ้วน ก็อาจมีคำพิพากษาได้ภายในเดือน ก.ค. นี้ แต่ถ้าข้อมูลได้รับจากกรมธนารักษ์ยังไม่ครบก็จะเป็นต้องเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอีกประมาณ 30 วัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

คดีสังหาร สจ.โต้ง ส่อบานปลาย คลิปเสียงโผล่อีกไขปมยิง โยงเงินปริศนา 70 ล้าน
"อดีตสว.สมชาย" ชี้ฝ่ายอนุรักษ์เดินหมากผิด เปิดโอกาส"ระบอบทักษิณ"ฟื้นชีพรอบวกส้ม
ม่วนกรุ๊ป เริ่มแล้ว เทศกาลตีคลีไฟชัยภูมิ หนึ่งเดียวในโลก 1 ครั้งในรอบปี สุดคึกคัก
ชาวเวียดนามในโฮจิมินห์ดีใจมีรถไฟใต้ดินใช้แล้ว
ผู้นำสูงสุดปัดอิหร่านไม่มีกองกำลังตัวแทน
ฮูตีเคลมผลงาน F/A-18 โดนสอยร่วงทะเลแดง
สื่อทำเนียบฯ จัดเต็มฉายาครม.ปี 67 "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" นายกฯท่องโพย วาทะแห่งปี "สามีคนใต้"
“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น