วันที่ 29 มิถุนายน 2565 นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายณรงค์ศักดิ์ ปิณฑดิษฐ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เข้าติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว บริเวณอาคารระบายน้ำ หรือสปิลเวย์ หลังจากทางเขื่อนได้เริ่มส่งน้ำลงสู่ลำน้ำปาวและแม่น้ำชี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ท้ายน้ำที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ทั้ง จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี และเพื่อรักษาระบบนิเวศ พร้อมทั้งเริ่มส่งน้ำเข้าสู่คลองชลประทานเขื่อนลำปาววันแรกของฤดูฝน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังทำนาปี ทำการเกษตรพืชไร่ และทำประมง รวมเต็มพื้นที่กว่า 306,963 ไร่ ที่กำลังประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง รวมทั้งให้ประชาชนได้อุปโภค บริโภค
นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า ปัจจุบันเขื่อนมีปริมาณอยู่ที่ 724 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 36 % จากความจุอ่าง 1,980 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง ทางโครงการฯได้หยุดส่งน้ำเข้าสูงคลองส่งน้ำทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวามาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 เพื่อดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมคลองส่งน้ำ กระทั่งวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ได้เริ่มส่งน้ำลงสู่ลำน้ำปาวไหลไปยังแม่น้ำชี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ท้ายน้ำที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง ทั้ง จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี และเพื่อรักษาระบบนิเวศ เฉลี่ยวันละ 5 ล้าน ลบ.ม.เป็นการแบ่งปันน้ำ และล่าสุดวันนี้ 29 มิถุนายน 2565 ทางเขื่อนจะเริ่มส่งน้ำในฤดูเพาะปลูกข้าวสู่คลองชลประทานโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะข้าวนาปี การทำประมงเลี้ยงกุ้ง ปลา รวมเต็มพื้นที่กว่า 306,963 ไร่ ซึ่งหลายพื้นที่เกิดปัญหาฝนทิ้งช่วงมานานกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากอยู่ระหว่างต้นข้าวต้องการน้ำ และบ่อประมงต้องการน้ำเปลี่ยนถ่าย
นายสำรวย กล่าวอีกว่า จากการติดตามการคาดการณ์ของกรมอุตุฯ คาดว่าหลายพื้นที่จะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงยาวไปถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งทางเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์จะยังคงส่งน้ำลงสู่ลำน้ำปาว แม่น้ำชี และคลองส่งน้ำระบบชลประทานช่วยเหลือเกษตรกรไปจนกว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอ และตามระยะเวลาที่เหมาะสม รวมเฉลี่ยวันละ 4-5 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งเป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำ ที่ทางเขื่อนลำปาวประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทานหรือเจเอ็มซี ร่วมกับทุกภาคส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มผู้ใช้น้ำ ทั้งนี้ยืนยันว่าปริมาณน้ำของเขื่อนลำปาว มีเพียงพอที่ส่งช่วยพื้นที่การเกษตร และเพียงพออุปโภคบริโภคไป จนถึงช่วงที่ฝนตกลงมาอย่างแน่นอน แต่ก็ขอให้ประชาชนร่วมกันใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด.
ภาพ/ข่าว ชมพิศ ปิ่นเมือง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์