ปี่กลองการเมืองดังขึ้นอีกแล้ว ต้องบอกว่า 2 เดือนนับจากนี้ คือ “ก.ค.-ส.ค.” น่าจะเป็นช่วง 2 เดือนอันตรายที่สุดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นับตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำประเทศมาแล้ว 7 ปี เศษ ตั้งแต่ 24 ส.ค. 2557 หลังการเข้าควบคุมอำนาจบริหารประเทศ เพราะมี 3 เรื่องใหญ่ 3 ประเด็นสำคัญ รอให้ลุ้นรอชี้ชะตาทางการเมืองอยู่ ถ้าผ่านไปได้ก็อยู่ยาวแต่ถ้าไปไม่รอดก็คงจอดอยู่แค่นี้
3 เรื่องร้อนปรอทแตกที่ว่าก็ประกอบด้วย เรื่องแรก การพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ ในวาระ 2 และ 3 ได้แก่ 1. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ 2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะเข้าสู่การประชุมร่วมของรัฐสภา ในวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2565 นี้ ไฮไลต์สำคัญต้องลุ้นสูตรการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่าสุดท้ายปลายทางจะออกมาแบบไหน 100 หารตามใจบิ๊กป้อม หรือ 500 หารเป็นประโยชน์กับนายกฯ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า และเป็นประเด็นชี้ตายของพรรคเล็กกับพรรคใหญ่ในอนาคต
เรื่องที่สอง คือ ศึกซักฟอกปี 65 ที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ ม. 151 กำหนดวันเวลาไว้ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.ศกนี้ รอบนี้มาในธีม “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ยื่นญัตติซักฟอกนายกฯ บวกรัฐมนตรีรวม 11 คน ก็ต้องลุ้นกันว่าถึงเวลาจริง นายกฯและรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะชี้แจงข้อกล่าวหาในเรื่องต่างๆได้ “ฟังขึ้น”หรือไม่ ฝ่ายค้านจะมีทีเด็ดอย่างไร หรือลงท้ายเป็นแค่ “จำอวดประจำปี” ตั้งเวทีด่านายกฯ โจมตีรัฐมนตรีคนสำคัญของรัฐบาลตามฤดูกาล เพราะเป็นครั้งสุดท้ายรอบสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้
เรื่องที่สามร้อนแรงที่สุด คือ การตีความการดำรงตำแหน่งนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญ ม. 158 ที่ระบุว่า “ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคน ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่ง ติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง ” ที่ฝ่ายค้านมองว่าจะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค. ศกนี้ หลังรับตำแหน่งผู้นำประเทศมาตั้งแต่ 24 ส.ค. 2557 ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยว่าต้องหมดวาระต้องลงจากนายกฯหากตีความตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และฝ่ายที่เห็นต่างในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็คงต้องไปจบที่การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ
รอบนี้เห็นช่องสบโอกาสคว่ำพล.อ.ประยุทธ์ได้หน่อย ข่าวว่า “ขบวนการล้มบิ๊กตู่” คืนชีพมาอีกแล้ว พูดกันให้แซ่ดในวงการสื่อสารมวลชน ว่าช่วงที่บิ๊กป้อมบินไปอังกฤษ มีการพูดคุยสถานการณ์ทางการเมือง อนาคตของนายกฯโอกาสของรัฐบาล ทุกแง่ทุกมุมวิเคราะห์กันแบบออกรสออกชาด แว่วว่าหนึ่งในคนใกล้ชิดบิ๊กป้อมแบบสุดๆ ใบ้ให้ได้เลยว่าเป็นเพื่อนซี้ตท.6 ของบิ๊กป้อม ฉายาคอนดักเตอร์ของสภาสูงสายมูลนิธิป่ารอยต่อ หลุดปากฟันธงออกมากลางวงว่า “ น่ากลัวพล.อ.ประยุทธ์จะไม่รอดในศาลรัฐธรรมนูญ” แค่นั้นแหละทำเอาทุกคนถึงกับหูผึ่งอ้าปากค้าง เท็จจริงเรื่องนี้ต้องไปสืบสภาพกันเอาเองว่าเป็นอย่างไร แต่คนที่ไปด้วยกันได้ยินมากับหูเอามาเล่าจนกลายเป็นข่าวซุบซิบใหญ่โตในแวดวงผู้มีอำนาจ
เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะมีความพยายามจะทำเรื่องที่บางคนคิดเป็นใหญ่ให้กลายเป็นจริง มีขบวนการต่อยอดเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ข่าวว่าถึงขั้นเดินเกมส์ล็อบบี้ผู้มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้ให้เบรกนายกฯหยุดบิ๊กตู่ไม่ให้ไปต่อ หากมีการยื่นเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ 8 ปีในช่วงเดือนส.ค. ปะติดประต่อตีความแบบจิ๊กซอว์ข่าวใหญ่ที่เม้าท์มอยส์กันทุกวงในตอนนี้ก็คือ ขบวนการล้มพล.อ.ประยุทธ์คืนชีพกลับมาอีกแล้ว ส่วนใครจะเป็นมือไม้ร่วมหัวจมท้ายในขบวนการล้มบิ๊กตู่คว่ำประยุทธ์เที่ยวนี้บ้าง คอการเมืองสายกอสซิบทำเนียบสภาตามติดนักการเมือง คงแกะรอยไม่ยากเดาได้สบาย เพราะก๊วนที่ผูกใจเจ็บอาฆาตพล.อ.ประยุทธ์ หวังทุบบิ๊กตู่ให้มอดม้วยคาธรณี ในยุทธจักรการเมืองตอนนี้มีอยู่ไม่กี่คน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครอยู่ก๊วนไหนมีใครบ้าง ปลายทางก็หวังให้ “พี่ใหญ่-เพื่อนเลิฟ” สมหวังในตำแหน่งสร.1 ก่อนไปสบาย
เป็นนายกฯในตำแหน่งมาแบบถูกต้องไม่ได้ ก็เอาสูตรนายกฯรักษาการเป็นมวยแทนไปสักพักก็ยังดี ข่าวว่าหากแผนสำเร็จน็อคประยุทธ์ได้จริง ขบวนการล้มลุงตู่จะเอาโมเดลยิ่งลักษณ์สูตรนิวัฒน์ธำรงมาใช้ ใครจำไม่ได้ขอย้อนอดีตไวไวให้ฟัง คานั้น “นายกฯน้องสาว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลุดเก้าอี้นายกฯ เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกรณีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯสมช.โดยมิชอบ รัฐบาลเพื่อไทยตอนนั้นหัวขาดไม่รู้จะทำไง ที่สุดก็เลยผ่าทางตันดันนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯช่วงนั้น อดีตคนโตไอทีวีซี้นายกฯปู ขึ้นมาเป็นรักษาการนายกฯ แต่อนิจจาวาสนามีน้อยได้นั่งเก้าอี้รรก.นายกฯแค่ 15 วัน ตั้งแต่ 7 พ.ค.2557 ถึง 22 พ.ค.2557 ก็ถูกบิ๊กตู่รัฐประหาร รอบนี้พวกคิดการใหญ่หมายล้มราชสีห์ ก็หวังเชือดพล.อ.ประยุทธ์ให้พ้นทางในช่วงส.ค.แล้วก็ใช้สูตรนี้มาบริหารบ้านเมือง เอาคนที่ตัวเองรักเอานายที่ตัวเองภักดีขึ้นเป็นรักษาการนายกฯ ก็ยังดี อย่างน้อยก็มีงานใหญ่ให้ทำ ทั้งเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคในเดือนพ.ย. รวมถึงกุมสภาพเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้าด้วย มีแต่งานใหญ่ได้หน้ารอ หาม “ลูกพี่” มาตัดริบบิ้นล้วนๆ
แถมช่างบังเอิญก่อนหน้าฟ้าเป็นใจ ศึกอภิปรายซักฟอกยังมารอขวางอยู่ตรงหน้าอีก ล้มนายกฯตอนศึกซักฟอกไม่ได้ก็ยังมีเวทีศาลรัฐธรรมนูญเป็นก็อกสองได้อีก นาทีทองฟังเพชรแบบนี้ขบวนการล้มบิ๊กตู่จะหาได้จากที่ไหน 4 ปีมีครั้งเดียว อย่าได้แปลกใจหากเห็นอาการ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ช่วงเดือนนี้ที่ผ่านมา ออกลูกฟาดงวงฟาดงารัฐมนตรีในรัฐบาลเรือแป๊ะแบบเปิดหน้า เหน็บแซะนายกฯแบบไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ประคบประหงมส.ส.พรรคเล็กเป็นพิเศษ ล่าสุดไปสัมภาษณ์สื่อหนึ่งพูดจาใหญ่โต มี ส.ส.ในมือถึง 33 คน ทั้ง “ข้าเก่า-งูเห่า” ที่ฝากเลี้ยงไว้ แถมโยนระเบิดใส่พรรคพลังประชารัฐบ้านเก่ามีคนไม่พอใจผลงานรัฐมนตรีนับสิบคนที่อยากแปรพักตร์ “ พรรคเศรษฐกิจไทยมี 16 เสียง บอกที่ประชุมพรรคแล้วใครแหกมติพรรค ขับไล่ออกทันทีเพราะข้อหารุนแรง ผมมีพรรคพี่พรรคน้องฝากเลี้ยงไว้ไม่ต่ำกว่า 7 คน ไม่รวมกลุ่ม 16 ของพี่พิเชษฐ์ ผมยังมีพี่น้องผมที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมการบริหารของรัฐมนตรีพลังประชารัฐ ไม่ต่ำกว่าสิบแล้วกัน” คุยโวแค่นั้นไม่เท่าไหร่ ทิ้งท้ายผู้กองฟันฉับไม่ให้รัฐบาลไปต่อหมดเวลาพล.อ.ประยุทธ์ “ สำหรับพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ให้ไปต่อ ชัดเจน อย่าไปมองผมเป็นกบฎ ผมทำอะไรผมฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่ทำอะไรเอาแต่ใจ ถ้าเอาแต่ใจเจ๊งไปนานแล้ว” พูดนะมันง่ายแต่ทำได้หรือป่าวยังไม่รู้ รอบก่อนตอนอภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ก็แพ้ขาดแบบ 278 กับ 194 แถมมีสวิงโหวตจากฝ่ายค้านสิบกว่าคน รอบนี้ผู้กองโม้ไว้ก่อนอีกแล้ว สภาผู้แทนตอนนี้มีส.ส.474 คน เกินกึ่งหนึ่งล้มนายกฯต้องใช้เสียง 237 คน ขาดอีก 40 กว่าจะหาจากไหน ตามดูกันยาวๆ รอบนี้ขบวนการล้มนายกฯจะกินแห้วคำรบ 3 คว้าน้ำเหลวแบบแฮตทริกอีกหรือไหม อีกไม่นานคงได้รู้กัน
/////////////////////////////