นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มงกุฏที่ครอบลงบนหัวนางงามในทุกตำแหน่ง ทุกเวทีนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่ลอกเลียนแบบมาจากความเป็น Royalist ที่มีการสวมมงกุฏให้กษัตริย์ หรือ พระราชินี เมื่อได้รับสถาปนาให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุด
มงกุฏ นั้นมีความหมายอีกแง่นึงคือ หมายถึงภารกิจที่หนักอึ้ง และการวางตัวที่ต้องหนักแน่น ครอบเตือนสติบนศีรษะของที่ถูกสวมมงกุฏตลอดเวลาให้รู้จักประพฤติตนเป็นตัวอย่างแก่สังคม ถ้าเป็นกษัตริย์ หรือ พระราชินี นั่นก็คือ “ทศพิธราชธรรม” หรือแนวปฏิบัติสำหรับคนที่เป็นกษัตริย์ หรือ พระราชินี นั่นเอง ส่วนคนทั่วไปที่ถูกอุปโลกน์ให้ได้รับตำแหน่ง ได้ครองมงกุฏ เช่น “นางงาม” จากการประกวดไม่ว่าจากเวทีใดก็ตาม มงกุฏนั้นเท่ากับเป็นสัญลักษณ์แห่งจรรยาบรรณ และจริยธรรมของคนๆนั้น ในการวางตนให้เหมาะสม สุขุม หนักแน่นให้สมกับมงกุฏที่หนักครอบหัวอยู่ และที่สำคัญต้องไม่วู่วาม ไม่ใช้วาจาสามหาว อาฆาตมาดร้ายคนอื่น ถึงแม้เวลาจะผ่านพ้นไป กลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่เกียรติประวัติของตำแหน่งคำว่า “นางงาม” จะติดตัวไปจนตาย จะถือว่าไม่สำคัญ ไม่ต้องการให้คนอื่นเอาตำแหน่งนี้มาวิจารณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรเข้าประกวดตั้งแต่ต้น
นางงาม ไม่ว่าปัจจุบัน หรือ อดีต ต้องวางตัวให้เหมาะสม ต้องมีปิยวาจา ให้เป็นที่ชื่นชมของชาวบ้านและสังคม ถ้าทำไม่ได้ก็จะกลายเป็น “นางงามไส้” ไปแทน
การโพสต์ของอดีตทูตนริศโรจน์ คาดว่าอาจต้องการสื่อไป กรณีน้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ อดีตมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2559 ซึ่งทวีตเกี่ยวพันไปถึงเหตุไฟไหม้โรงงานในซอยกิ่งว่า…”อยากเอาสลิ่มมาเผาในกองเพลิงมาก รก” และ “เผาก็กลัวอากาศเป็นพิษอีก ตายยาก”