ในเฟซบุ๊ก ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความระบุว่า คุณหมอทั้งหลายคะ ท่านเป็นคนเรียนเก่งนะคะ ไม่เช่นนั้นคงสอบเข้าเรียนหมอไม่ได้ ความรู้ (knowledge) ที่ท่านมี ถ้าใช้ได้ถูกต้องเหมาะสม ความรู้นั้นก็จะเป็นปัญญา (wisdom)
ท่านลองคิดดูด้วยปัญญาหน่อยนะคะว่า ท่านทั้งหลายที่ออกมาแสดงตวามคิดเห็นหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอย่างที่เป็นเช่นนี้ ประชาชนจะเป็นเช่นไร สับสนแค่ไหน จะเครียดหรือไม่ ท่านอาจจะบอกว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ดังนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ เรื่องนี้จริง ถ้าเป็นภาวะปรกติ แต่ไม่ใช่ภาวะวิกฤต ในภาวะวิกฤตนั้น การสื่อสารจะต้องมีความเป็นเอกภาพ ต้องสื่อสารด้วยการให้ความสำคัญกับอารมณ์ของสาธารณชน (public sentiment) จะใช้เสรีภาพเหมือนภาวะปรกติไม่ได้นะคะ
ท่านถก ท่านคุยกันก่อน หาข้อยุติหลังจากถกเถึยงกัน แล้วค่อยนำเสนอแก่สาธารณชนให้มีความคงเส้นคงวาหน่อยดีไหมคะ ยับยั้งความต้องการเสรีภาพแบบ “ใครใคร่พูด ต้องพูดได้” เอาไว้ก่อนดีไหมคะ
และในการประชุมถกเถึยงกันนั้น ไม่ต้องบันทึกทุกความคิดเห็นลงในรายงานการประชุมก็ได้นะคะ บันทึกแค่มติก็พอคะ ส่วนคนที่แพ้มติ ก็ต้องไม่ออกมาพูดแย้งมติในที่สาธารณนะคะเวลานี้ประชาชนทั้งกลัว ทั้งเครียดสลดหดหู่กับสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้มากพอแล้ว ท่านจะมาเพิ่มความสับสนให้ประชาชนเครียดมากกว่านี้เพื่ออะไรคะ เข้าใจหลักการสื่อสารในภาวะวิกฤตหน่อยนะคะ อย่าอ้างเรื่องเสรีภาพที่ใช้ได้ในภาวะปรกติเลยนะคะ ถ้ามันใช้หลักการเดียวกัน จะมีคนเขียนตำราการสื่อสารในภาวะวิกฤตขึ้นมาทำไมคะ
ขอให้ท่านคิดหน่อยนะคะ ขอโทษนะคะที่ยังอาจแนะนำคนเรียนเก่งระดับแนวหน้าของประเทศ แต่มันก็เป็นคนละ discipline นะคะ หวังว่าจะไม่โกรธกันนะคะ With all due respect, no iffense นะคะ