ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ตอนนี้รอปิดจ็อบพ.ร.บ.ตำรวจได้เมื่อไหร่ กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับก็จ่อคิวรอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมของรัฐสภาได้เลย คาดว่าจะเป็นวันที่ 5 มิ.ย. หรือไม่ก็ 6 มิ.ย. คงได้ฤกษ์คุยกันเรื่องนี้ในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างแน่นอน โดยประเด็นที่เป็นไฮไลต์สำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การเคาะสูตรคำนวณการคิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อว่าจะเอาแบบสูตร 100 หาร ตามที่กมธ.ฯวิสามัญฯเสียงข้างมากสรุปมา พรรคใหญ่ต้องการ หรือจะเอาสูตร 500 หารแบบที่พรรคเล็กหนุนส.ส.ปลาซิวปลาสร้อยชอบ แถมยังมีกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อย 11 คน แปรญัตติไว้แล้ว ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นส.ว.สายนายกฯ ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดความเคลื่อนไหวที่สำคัญของเรื่องนี้ เพราะจู่ๆ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ฯ ทั้ง 2 ฉบับ และเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อย ออกมาปูดข้อมูลว่า เท่าที่ได้คุยกับผู้แทนพรรคสีฟ้าส่วนใหญ่หลายคนเปลี่ยนใจอยากให้กลับสูตรคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่จากสูตร 100 หาร ให้กลับมาเป็นสูตร 500 หาร “ ขณะนี้จากการที่ได้มีการพูดคุยและอธิบายเหตุผลกับ ส.ส.ของพรรค ปรากฎว่ามี ส.ส.ของพรรคบางส่วนต้องการให้พรรคพิจารณาให้ลงมติโดยใช้วิธีหารด้วย 500 ซึ่งในฐานะที่เป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมาธิการฯ ก็จะเสนอในที่ประชุมพรรคให้พิจารณาลงมติให้ใช้วิธีหาร 500 ….ส่วนเหตุผลที่ต้องการให้ใช้วิธีหารด้วย 500 ก็เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ต้องการให้มี ส.ส.พึงมี และ ในรัฐธรรมนูญ ม. 93 และ ม. 94 ก็ยังคงมี ส.ส.พึงมีอยู่ ดังนั้นการที่จะแก้ไขกฎหมายแล้วจะมาล้มล้างเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งการใช้วิธีหารด้วย 500 นั้น ถือว่าเป็นการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่จะได้กำหนดให้แต่ละพรรคมี ส.ส.เท่าไหร่ในสภา ซึ่งจะเป็นการสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าระบบคู่ขนาดที่จะนำมาคำนวณแยกกัน …..หลายคนมีความเห็นเป็นไปในทางเดียวกัน และน่าจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้พรรคพิจารณาหารด้วย 500 และเรื่องนี้คงจะต้องไปหารือและชี้แจงพรรค เพื่อลงมติว่าจะเอาแบบไหน” อัครเดชกล่าว
ชัดเจนว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลของอัครเดชในครั้งนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์มีการมองเรื่องนี้ออกเป็น 2 ด้าน วงในพรรคสีฟ้าให้ข้อมูลว่า ด้านหนึ่งเห็นด้วยกับสูตร 100 หารยืนกระต่ายขาเดียวเรื่องนี้มาตลอด แกนนำฝ่ายนี้ก็มี บัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค , จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค , ชินวรณ์ บุญยเกียรติ วิปรัฐบาล ในฐานะรองประธานกมธ.วิสามัญฯ ฝากเสียงข้างมาก ฯลฯ กับอีกฝ่ายที่เห็นว่าต้องใช้สูตร 500 หาร พรรคประชาธิปัตย์ถึงจะได้ประโยชน์และมีโอกาสมากกว่า ฝั่งนี้มีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคเป็นโต้โผที่ยืนยันต้องใช้สูตร 500 หารมาตลอด แรกเริ่มเดิมทีเสียงฝั่งเข้าข้างสูตร 100 หาร มีคนเห็นด้วยจำนวนมาก เพราะมีแกนนำและผู้อาวุโสในพรรคหลายคนเห็นด้วยกับทางนี้ แต่พอนานวันเข้า เริ่มคุยกันหนักๆจริงๆจังๆ ปรากฎว่าฝ่ายสูตร 500 หาร เริ่มได้แนวร่วมสนับสนุนมากขึ้น ล่าสุดประเด็นนี้พรรคเตรียมประชุมด่วนเพื่อเคาะข้อสรุป ให้เป็น “ธง” ที่ชัดเจนว่าพรรคจะเอาแบบไหนกันแน่ ก่อนประชุมร่วมรัฐสภา
ความจริงเรื่องของสูตรคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้นใครตามเรื่องนี้มาตลอดจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กับ พรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา แม้แต่พรรคก้าวไกลของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็อยากให้คิดคำนวณแบบเดิมหรือใกล้เคียงกับการเลือกตั้งคราวที่แล้ว 24 มี.ค.2562 ให้มากที่สุด เพราะพรรคขนาดกลางกับขนาดเล็กได้ผลประโยชน์จากการคิดคะแนนด้วยสูตรนี้แบบเต็มๆ และมีโอกาสได้ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่าสูตร 500 หาร ย้อนอดีตไปคราวที่แล้ว ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน พรรคอนาคตใหม่ได้ไป 50 คน พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ไปพรรคละ 19 คน พรรคภูมิใจไทย 12 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 4 คน ฯลฯ ก็เรียกวาได้กันไปเป็นกอบเป็นกำ แต่เผอิญว่าธงที่ผู้จัดการรัฐบาลเรือแป๊ะอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณมานั้นดันเป็นสูตร 100 หาร ทุกคนเลยต้องลงเรือลำเดียวกับบิ๊กป้อมและหนุนไปทางสูตร 100 หารหมด ทั้งๆที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐหลายคนเคยไปบวกลบคูณหารให้ดูว่าสูตร 100 หาร อาจเข้าทางตีนทักษิณแบบเต็มๆ มีโอกาสแลนด์สไลด์สูง แต่บิ๊กป้อมจะเอาแบบนี้ก็เลยต้องตามตูดกันมา
แต่ตอนนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนตัวแปรเปลี่ยน มีเรื่องกระแสแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย มีเรื่องกระแสนิยมในตัวอุ๊งอิ๊งเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอ้ที่เคยย่ามใจว่าจะปล่อยไปให้ใช้สูตร 100 หาร แล้วไปลุ้นคะแนนกันแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” หลายพรรคก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะกระแสเพื่อไทยกับอุ๊งอิ๊งมาแรงพอควร ด้วยเหตุนี้จึงคิดแบบเพลย์เซฟไว้ก่อน เอาสูตร 500 หารดีกว่าชัวร์กว่า อย่างน้อยโอกาสที่พรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคเล็กพรรคน้อยจะได้ส.ส.ก็มีความเป็นไปได้มากกว่า ในชั้นกมธ.วิสามัญฯ เคยมีการคิดคร่าวๆถ้าใช้สูตร 100 หาร จะได้ส.ส. 1 คน แต่ละพรรคต้องมีคะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 350,000 -400,000 คะแนน แต่ถ้าใช้สูตร 500 หารแต่ละพรรคได้คะแนนแค่ 75,000 ไม่เกิน 150,000 คะแนนก็มีลุ้นได้ส.ส.ตัวนึงแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเอาตามนี้ใช้สูตร 500 หารก็จะเป็นประโยชน์กับทุกพรรคมากกว่า พรรคขนาดกลางกับพรรคเล็กก็ยังมีลุ้นเพราะ “ฝนตกทั่วฟ้า” แต่ถ้าใช้สูตร 100 หาร ต้องเป็นพรรคที่มีคะแนนจัดตั้งมีคะแนนพรรคเท่านั้นถึงจะได้ส.ส. เอาง่ายๆถ้าเอาคะแนน 400,000 คะแนนเป็นตัวตั้งว่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เลือกตั้งรอบที่แล้วจะมี 15 พรรคเล็กๆไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว 23 เก้าอี้ผู้แทนจะหายวับไปทั้งหมด
เพราะฉะนั้นหากกลับลำเปลี่ยนใจกลับสูตรจากที่เคยเคาะสูตร 100 หาร ในชั้นกมธ.วิสามัญฯ ไปเป็นสูตร 500 หาร โอกาสของพรรคขนาดกลาง และ รวมถึงพรรคขนาดเล็กก็จะมีมากขึ้น ส่วนพรรคที่ได้ผลกระทบไปเต็มๆก็จะเป็นพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ เพราะสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อที่ตัวเองควรได้จะถูกแบ่งไปให้กับพรรคเล็ก ล่าสุดหลังกระแสข่าวกลับลำเคาะสูตรบัญชีรายชื่อเริ่มมีการรับลูกมากขึ้น ปรากฎว่าแกนนำพรรคใหญ่ที่เคยยืนเรื่องสูตร 100 หาร เริ่มเสี่ยงอ่อยและออกมายอมรับว่าอาจต้องไปฟังความเห็นส.ส.ในพรรคเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รอบครอบรอบด้านเสียก่อนจะไปคุยกันในสภา พรรคที่ว่าก็ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล ขณะที่ “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมายอมรับตรงๆเลยว่า สูตร 500 หาร ทำให้พรรคขนาดกลางกับพรรคขนาดเล็กมีโอกาสมีความเข้มแข็ง ส่วนจะเอาสูตรไหนต้องคุยกันในครม.และพรรคร่วมให้สะเด็ดน้ำ มีแต่บิ๊กป้อมเท่านั้น ที่เช้านี้ก็ยังยืนกรานกระต่ายขาเดียวเอาตามที่กมธ.วิสามัญฯ สรุปมา คือ ยังยืนข้างสูตร 100 หาร แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
สุดท้ายปลางทางยังไม่รู้ว่าสูตรการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อจะออกมาเป็นสูตร 500 หาร หรือ 100 หาร หรือจะฟาวล์ทั้ง 2 แบบ แต่อ่านจากที่ชินวรณ์ออกมาให้สัมภาษณ์ดูจะเป็นห้วงสถานการณ์แบบสุดๆ เพราะหลายพรรคเริ่มเสียงแตกเห็นไม่ตรงกัน หากหวังไปลุยกันหน้างานโอกาสเละก็มีสูง แถมกลับลำจากสูตร 100 หาร มาเป็นสูตร 500 หาร ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะ 1. ร่างคำนวณสูตร 100 หารนั้นเป็นร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอมาและตรงกับร่างที่รัฐบาลเสนอ ถือว่าเป็นร่างหลักก็ยืนสูตร 100 หาร 2.ในชั้นกมธ.วิสามัญฯ ก็มีการคุยเรื่องนี้กันอย่างละเอียดและมีการลงมติกันแล้ว ผลออกมากมธ.วิสามัญฯฝ่ายเสียงข้างมากชนะด้วยคะแนน 32 กับ 11 ยืนกรานสูตร 100 หาร เพราะฉะนั้นหากในวาระ 2 มีการเสนอการคิดที่แตกต่างออกไป อาจทำให้มีปัญหาและกลายเป็นช่องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่อีกด้านฝ่ายหมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ก็การันตีสูตร 500 หาร ชอบธรรมและถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญมากกว่า เพราะสอดคล้อง รธน.ม.93 , ม.94 ครอบคลุมส.ส.พึงมี และมีเนื้อหาตรงตามเจตนารมย์ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ เพราะฉะนั้นก่อนหน้าประชุมร่วมรัฐสภาเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืน ต้องติดตามดูมติของทุกพรรคอย่างใกล้ชิดว่าจะออกมาอย่างไร กลับลำไปสูตร 500 หาร หรือยืนตามสูตร 100 หาร รวมถึงต้องจับตามองว่าถึงที่สุดหากพล.อ.ประวิตรกับพรรคพลังประชารัฐยืนยันจะเอาสูตร 100 หาร พล.อ.ประยุทธ์จะแก้เกมส์กลับมาให้สูตร 500 หารชนะได้อย่างไร หรือจะปล่อยเลยตามเลยไปแล้วไปวัดดวงกันในภายภาคหน้า พรุ่งนี้เช้าประชุมครม.บิ๊กตู่จะเจอหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนทั้งหมดแบบครบๆ ต้องตามดูว่าบิ๊กตู่จะปล่อยของมีไม้เด็ดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
//////////////////////