โครงการนี้ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 มีมติให้รูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ “PPP Net Cost” โดยภาครัฐจะลงทุนออกค่าเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ตั้งแต่ช่วงสถานีบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่วนเอกชนจะเป็นลงทุนงานโยธา งานระบบไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษา และค่าซ่อมบำรุงรักษาตลอดเส้นทาง โดยเอกชนจะได้รับสิทธิบริหารการเดินรถตลอดทั้งสาย (ส่วนตะวันตกและตะวันออก) เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่เริ่มเปิดให้บริการรถไฟฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-สุวินทวงศ์)
โดยภาครัฐจะทยอยจ่ายค่างานโยธาคืนให้แก่เอกชนตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง หลังจากที่เริ่มก่อสร้างไปแล้ว 2 ปี รวมระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนทั้งสิ้น 7 ปี วงเงินไม่เกิน 96,012 ล้านบาท
ปมปัญหาการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เริ่มจาก
1. วันที่ 20 เม.ย. 2563 ถึงวันที่ 22 เม.ย. 2563 รฟม.เปิดรับฟัง ความคิดเห็นของภาคเอกชนเพื่อนำมาพิจารณาประกอบการจัดทำร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน หรือ ทีโออาร์ ตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 22 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
2. วันที่ 3 – 9 ก.ค. 63 รฟม.โดย คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 กำหนดทีโออาร์ เพื่อจัดทำเอกสารคัดเลือกเอกชน(Request for Proposal: RFP) พร้อมรายละเอียดการประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯ
3.วันที่ 10 – 24 ก.ค.63 รฟม.จำหน่ายเอกสารคัดเลือกเอกชน หรือ RFP ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 1 อาคาร 1 รฟม. พร้อมกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในเดือนกันยายน 2563
4.วันที่ 24 ก.ค.63 วันสุดท้ายของการจำหน่ายเอกสารคัดเลือกเอกชน มี 10 บริษัทเอกชน ให้ความสนใจซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนฯ ประกอบด้วย
1. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
2. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC
3. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS
4. บริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC)
5. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD)
6. บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH)
7. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK)
8. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF)
9. บริษัท ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด (ประเทศจีน)
10. บริษัท วรนิทัศน์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด
**รฟม.แจ้งใช้หลักเกณฑ์ใหม่ – BTSC ยื่นศาลปกครอง ขอคุ้มครองชั่วคราว
5.วันที่ 21 ส.ค.63 รฟม.แจ้งใช้หลักเกณฑ์ประเมินการประมูลใหม่ โดย นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดแถลงข่าวอ้างที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีข้อสรุปว่าจะปรับเกณฑ์การพิจารณา คัดเลือกการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ใหม่ทั้งหมด
โดยเปลี่ยนไปใช้เกณฑ์พิจารณาข้อเสนอซองที่ 2 ด้านเทคนิค (สัดส่วน 30 คะแนน) และข้อเสนอซองที่ 3 ด้านการเงิน (สัดส่วน 70 คะแนน) มาพิจารณารวมกัน ทำให้ต้องขยายเวลายื่นเอกสารประกวดราคาจาก 60 วัน ไปอีก 45 วัน หรือจากกำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 23 ก.ย.2563 เลื่อนไปเป็นวันที่ 9 พ.ย.2563 เพื่อให้เอกชนมีเวลาปรับปรุงข้อเสนอให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่
ส่วนที่มาที่ไปของเงื่อนงำดังกล่าว เริ่มต้นมาจากการที่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) หนึ่งในผู้ซื้อซองประมูลทำหนังสือถึง รฟม .เพื่อขอเปลี่่ยนแปลงทีโออาร์ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ เงื่อนไขการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มจำหน่ายเอกสารคัดเลือกเอกชนก็เปลี่ยนแปลงไปหมด และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องไม่ลืมว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2563 ถึงวันที่ 22 เม.ย. 2563 รฟม.ได้เปิดรับฟัง ความคิดเห็นของภาคเอกชนทั้งหมด รวมถึงบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) มาใช้ในการร่างสัญญาร่วมทุน หรือ ทีโออาร์ แล้วด้วย
6. วันที่ 17 ก.ย.63 บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบด้วย
– ขอให้ยกเลิกเอกสารเพิ่มเติม ตามที่ รฟม.ประกาศออกมา นอกเหนือจากเอกสารยื่นข้อเสนอ (RFP) ซึ่งมีผลทำให้ปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอเอกสาร จากเดิมพิจารณาข้อเสนอด้านราคา 100 คะแนน เป็นพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านราคา 70 คะแนน
– ขอคุ้มครองฉุกเฉินชั่วคราว ไม่ให้มีการเปิดซองประมูลจนกว่าศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งตัดสินคดี
โดย BTSC เห็นว่า การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ภายหลังประกาศขาย RFP ไปแล้ว ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่เป็นธรรม อีกทั้งการดำเนินการของ รฟม. ยังดำเนินการขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่อนุมัติเห็นชอบให้เปิดประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีส้ม และได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกในรูปแบบเดิม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563
จากนั้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์ การร่วมลงทุนของ รฟม. ที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
“เนื่องจากศาลฯ เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) แม้คณะกรรมการคัดเลือกฯและรฟม. ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง มีอำนาจที่จะสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่เกินขอบอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ประกอบกับในการแก้ไขหลักเกณฑ์ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีข้อเรียกร้องจากเอกชนผู้ซื้อซองอีกราย ที่มีสิทธิที่จะเข้าแข่งขันในการเสนอราคาในครั้งนี้
ในชั้นนี้จึงเห็นว่า กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการแก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 โดยใช้การประเมินซองที่ 2 และซองที่ 3 รวมกันแบ่งสัดส่วนเป็นคะแนนซองที่ 2 จำนวน 30 คะแนน และคะแนนซองที่ 3 จำนวน 70 คะแนน จึงเป็นคำสั่งที่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
7. วันที่ 2 พ.ย. 63 รฟม. และคณะกรรมการมาตรา 36 ได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น กรณีมีคำทุเลาคำสั่งการบังคับตามหลักเกณฑ์ การร่วมลงทุนของรฟม. ที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
**คณะกรรมการ ม.36 ยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ -ยกเลิกคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน
8. วันที่ 3 ก.พ.64 คณะกรรมการ ม.36 ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ -มีนบุรี(สุวินทวงศ์) และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน
9. วันที่ 11 ก.พ.64 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งถอนอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจาก คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐกับเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ ยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนตามประกาศเชิญชวนดังกล่าวแล้ว ซึ่งมีผลเท่ากับยกเลิกโครงการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม อันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่มีอยู่ต่อไปแล้ว
แต่ ปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม ไม่จบเท่านั้น เพราะทาง BTSC ได้มีการยื่นคำฟ้องต่อ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อเอาผิด นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 รวม 7 คน กรณีแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือก การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และยกเลิกการประมูลในฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 165 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
**ผู้แทนสำนักงบประมาณ (หนึ่งในคกก.คัดเลือกม.36 ) ฟันธง รื้อ แก้ไข TOR ทำไม่ได้ต้องเสนอครม.ก่อน
คดีดังกล่าว ศาลอาญาทุจริตฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลและประทับรับฟ้อง พร้อมดำเนินการไต่สวนบุคคลผู้เกี่ยวข้อง โดยมีการสอบพยานนัดสุดท้ายฝ่ายโจทก์ คือ นางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง ผู้แทนสำนักงบประมาณ ไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา และอดีตหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 ในขณะนั้น ยังคงยืนยันความเห็น กรณีคณะกรรมการ PPP นำเสนอหลักเกณฑ์การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม เสนอต่อครม.พิจารณาอนุมัติการดำเนินโครงการ
ตามรายละเอียดหนังสือ คณะกรรมการ PPP ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ว่า “ผู้ยื่นข้อเสนอที่ขอรับเงินสนับสนุน รวมทั้ง 2 ส่วนจากภาครัฐ เมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน (NPV) ต่ำสุดจะเป็นผู้ชนะการคัดเลือก” เป็นเหตุอัน ” ไม่สามารถรื้อ เปลี่ยนแปลง ทีโออาร์ได้ เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักการที่ครม.มีมติอนุมัติไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563
ดังนั้น ถ้าหากคณะกรรมการคัดเลือกฯจะปรับปรุง หลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนที่แตกต่างไปจากที่ครม. มีมติอนุม้ติไว้ อาจเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณแผ่นดิน และคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะต้องนำเสนอให้ครม.พิจารณาอนุมัติ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวก่อน จึงจะดำเนินการได้
**ศาลปกครองฯ วินิจฉัยรฟม. แก้ TOR ประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม มิชอบด้วยกม.
10. วันที่ 9 ก.พ.65 ศาลปกครองกลางพิพากษา มีคำพิพากษา ในคดีที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ฟ้องว่า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะการประเมินของเอกสารการคัดเลือกเอกชน
โดยศาลให้เหตุผลว่า การที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติเห็นชอบเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมภายใน 9 วัน โดยมิได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนินการแก้ไขตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน พ.ศ. 2563 จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมทุนรัฐและเอกชน