นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช น้องชายของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นโจทก์ฟ้อง นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ นายมาโนช เสนพงศ์ คดีโกงเลือกตั้งนายก อบจ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลฎีกามีพิพากษาจำคุกนายเทพไท และ นายมาโนชว่า ศาลได้อ่านพยานโจทก์ทุกปาก และฝ่ายพยานจำเลย แต่เมื่อมาหักล้างกันแล้วพยานโจทก์ศาลรับฟังและเชื่อถือได้ ส่วนพยานจำเลยไม่อยู่ในร่องในลอย ไม่สอดคล้องต้องกัน อีกทั้งพยานจำเลยเองตั้งแต่คำให้การชั้นกตต.จนถึงศาลทุกศาล ได้ขัดแย้งกันเอง ทำให้ศาลมั่นใจว่าน้ำหนักของโจทก์ไม่มีการกลั่นแกล้ง และถึงแม้ว่าตนมีพี่ชายชื่อชินวรณ์ บุณยเกียรติ ก็ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งทางการเมือง ศาลได้ลงรายละเอียดให้เห็นถึงความสอดคล้องต้องกันของกฎหมาย คดีนี้เป็นบรรทัดฐาน เป็นคดีแรกของประเทศไทย ที่ให้นอมินีหรือให้ผู้อื่นใดทำแทนนักการเมือง ฉะนั้นวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า นักการเมืองที่สุจริต นักการเมืองน้ำดี มีโอกาสที่จะมีที่ยืนในทางสังคม ซึ่งตนก็จะสู้ต่อไป
“น้องชายชินวรณ์” ขอโทษ “เทพไท-มาโนช” ชี้คำพิพากษาเป็นบทเรียนนักการเมือง
ข่าวที่น่าสนใจ
ขณะที่นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ในฐานะทนายโจทก์ กล่าวว่า ต้องขอโทษนายเทพไทและนายมาโนช ตนกับทั้งสองท่านไม่ได้มีเหตุโกรธเคืองกันที่จะปรักปรำให้ทั้งสองได้รับโทษ แต่ตนทำหน้าที่ เนื่องจากเป็นทนายความอาชีพ และการที่ศาลพิพากษาวันนี้ในรายละเอียดทุกท่านคงทราบ แต่ตนพูดแบบชาวบ้านว่าต่อไป จะเป็นบทเรียนของนักการเมืองรุ่นหลัง การไปฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งโดยสร้างคนไปทำบุญ ใส่ซอง โดยสร้างคนไปจ่ายค่าอาหาร สร้างนอมินีเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด อย่าคิดเลย สิ่งนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวท่าน คำพิพากษาคดีนี้เป็นบทเรียนให้นักการเมืองรุ่นหลังจะได้ศึกษา และมีความรู้ในการปฎิบัติ ว่าต่อไปจะต้องซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตตามกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-