กรณีนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสืบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมพวก บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.บางใหญ่ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ วางแผนจับกุม ด.ต.ภูวเนตร หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก .ทท.3 พร้อมด้วย นายมนัส สุขสอง อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หมู่ 6 ต.เสาธงหิน ขณะกำลังตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงใน จังหวัดนนทบุรี
สะท้าน หัวหน้าชุดปฏิบัตการพิเศษ กรมการปกครอง ลั่นสาวถึงตัว “นายใหญ่” ผู้ชักใยเบื้องหลัง ตำรวจท่องเที่ยว รีดส่วยสถานบันเทิงแล้ว คาดได้ตัวไม่ช้า ชี้เป็นความผิดส่วนตัว
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด ( 7 ก.ค.) นายรณรงค์ เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับส่วยในครั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใบสั่งจากใคร ตนได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการ จึงทำการล่อซื้อโดยไม่ทราบว่าผู้กระทำผิดเป็นตำรวจท่องเที่ยว มาทราบอีกครั้งก็ขณะเข้าจับกุม เนื่องจากเห็นรถตราโล่ของทางการ โดยขั้นตอนการจับกุมก็เป็นไปตามหลักสากล ไม่มีการกระทำเกินกว่าเหตุ หากเทียบกับต่างประเทศซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยิงได้ทันทีหากผู้ต้องหามีอาวุธ แต่ครั้งนี้ไม่มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้รู้ตัว “นายใหญ่” ผู้บงการแล้ว คาดว่าจะจับกุมได้ภายในเร็ววันนี้
ส่วนประเด็นที่มีการ วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลฯว่า การจับกุมครั้งนี้ จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจหรือไม่ ตนมองว่า ไม่เกี่ยวกันเนื่องจากเป็นความผิดส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร โดยที่ผ่านมาทางชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ก็เคยจับส่วยมาแล้ว ต่างกันตรงที่ ไม่ใช่เหตุเฉพาะหน้าเหมือนครั้งนี้ สำหรับลักษณะการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจก็จะเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต้องได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ผ่านศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัด จึงจะออกปฏิบัติภารกิจได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-