วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี หลังทราบข่าวเรื่องราวราวปาฏิหาริย์ ของคนที่ถูกฟ้าผ่าแต่รอดชีวิตมาได้ โดยระบุว่าเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุฟ้าผ่าชาวบ้านกิ่ว ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี คือนายอานนท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ซึ่งอานนท์ได้เล่านาทีเฉียดตายว่า ก่อนเกิดเหตุมีพายุฝนฟ้าคะนอง ขณะที่ตนเองกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ที่เถียงนา ก็เกิดสายฟ้าฟาดลงมาเฉียดตัว ตนเห็นผมเห็นแค่แสงวาบ สว่างจ้า ก่อนมีเสียงดังเปรี้ยง และหลังจากสลบไปราวๆ 1 ชั่วโมง มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงแม่ที่ป่วยเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มาปลุกว่า “ตื่นๆแหม่บักหล่า..บักหล่าตื่นๆ และเข้ามาเขย่าตัวให้ตื่นขึ้นมา ตนจึงพยายามตั้งสติประมาณ 30 นาที เพราะตอนนั้นตนเอง หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และมีน้ำลายฟูมปาก จึงค่อยๆหยิบเอาโทรศัพท์โทรขอความช่วยเหลือจากพ่อ จากนั้นพ่อก็มารับและนำตัวส่งที่หน่วยกู้ชีพ รพ.สต.นาพู่ นำตัวส่งโรงพยาบาลเพ็ญ ถ้าหายครั้งนี้ผมคงต้องสะเดาะเคราะห์ใหญ่ เพราะปกติแล้วคนที่โดนฟ้าผ่ามักไม่รอด”
ต่อมาเวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่เกิดเหตุบริเวณกระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ม.7 บ.กิ่ว ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พบกับนางสว่างจิตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี น้าสะใภ้ (น้าสาว) และน.ส.พรทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ป้าของนายอานนท์ (ลูกผู้พี่) พาผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณกระท่อมนาที่เกิดเหตุฟ้าผ่านายอานนท์ฯ ที่รอดตายราวปาฏิหาริย์ โดยสภาพกระท่อมนาเป็นหลังเล็กๆ มีต้นสะเดาสูงประมาณ 10 เมตร ยืนต้นอยู่ใกล้กับกระท่อมนา ใกล้กันพบปลายต้นยูคามีรอยไหม้ โดยทั้งสองคนเปิดเผยว่า วันนั้นฝนตกลงมาและมีเสียงฟ้าร้อง ฮึ่มๆ ตลอดเวลา พวกเราก็อยู่ทุ่งนาก็พากันไปหลบ ไม่นานได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ตอนแรกไม่คิดว่าฟ้าจะผ่าลงบริเวณกระท่อมนาของหลานชาย ไม่นานก็เห็นพ่อของเขาวิ่งมาบอกว่า นายอานนท์ฯถูกฟ้าผ่า จึงรีบพากันมาดู
เมื่อมาถึงเห็นเขาน้ำลายฟูมปาก หมดสติ และมีอาการสะลึมสะลือ จึงรีบพาไปส่ง รพ.สต.นาพู่ รีบนำตัวส่งช่วยเหลือชีวิตที่ รพ.เพ็ญ ดีใจมากที่หลานชายรอดตายมาราวปาฏิหาริย์ ไม่คิดว่าโดนฟ้าผ่าแล้วจะรอด เพราะไก่ที่เลี้ยงไว้อยู่ใต้ถุนกระท่อมนาถูกฟ้าผ่าตาย 5 ตัว หลังจากเข้ารักษาตัวหายแล้วญาติๆ จะต้องทำพิธีหอมข้าวหอมขวัญ หรือพิธีเรียกขวัญคนตายแล้วฟื้นกลับคืนมา
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายอานนท์ อายุ 29 ปี ชาวบ้านกิ่ว ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ที่นอนรักษาตัวที่ตึกผู้ป่วยชาย รพ.เพ็ญ จ.อุดรธานี มีสายน้ำเกลือติดอยู่แขนตลอดเวลา นายอานนท์ฯได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องราวถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายราวปาฏิหาริย์ ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะตนเองอยู่ที่ทุ่งนา และกำลังต้อนควายไปกินหญ้า แต่เกิดมีฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีฟ้าร้องอยู่ตลอดเวลา จึงรีบวิ่งไปหลบบนกระท่อมนา
”ตนเองได้รีบปิดโทรศัพท์ทันทีหลังขึ้นมาบนกระท่อมนา เพราะกลัวฟ้าผ่า สักพักก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงลงตรงกลางเถียงนา ทำให้ตนเองสลบไปประมาณ 1 ชม. และคิดว่าตนเองตายไปแล้ว แต่ก็ได้ยินเสียงแม่ของตนเอง คือนางจำรัส ซึ่งป่วยเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปี มาร้องปลุกว่า ตื่นๆแหม่บักหล่า บักหล่าตื่นๆ และแม่เข้ามาเขย่าตัว ส่วนตนก็พยายามตั้งสติ แต่ตอนนั้นคือหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และมีน้ำลายฟูมปาก พอลุกขึ้นมาได้หยิบโทรศัพท์โทรหาพ่อให้รีบมาช่วยนำส่งโรงพยาบาลทันที ตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวและช้ำตามแขนและขาอ่อนแรง ต้องฉีดยาแก้ปวดก่อนนอนทุกวัน
นายอานนท์ เปิดเผยอีกว่า รอดตายมาครั้งนี้ ตนเองคิดว่าเรื่องนี้มีทั้งโชคและซวยมาพร้อมกัน ซวยเพราะโดนฟ้าผ่า เพราะเกิดมาไม่เคยเจอสักครั้ง แต่โชคดีที่ตนเองรอดตายจากฟ้าผ่ามาอย่างปาฏิหาริย์ หรือยังไม่ถึงคราวจะตาย ตนเองเชื่อว่าแม่ของตนเองมาช่วยให้ตนเองรอดและความขลังของเหรียญปู่ศรีสุทโธนาคราชที่ตนเองนับถือ แต่ไก่ที่เลี้ยงไว้อยู่ใต้ถุนเถียงนาโดนแรงฟ้าผ่าตายไป 5 ตัว ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์ได้สังเกตเห็นรอยสักที่แขนขวานายอานนท์ ซึ่งนายอานนท์บอกผู้สื่อข่าวว่า โดยเป็นรอยสักจระเข้มหาอุตม์ ที่ตนเองให้อาจารย์โอ๊ค ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สักให้สมัยตนเองไปรับจ้างตัดอ้อยเมื่อตอนอายุ 17 ปี และอาจจะมีส่วนที่ทำให้ตนรอดตายมาครั้งนี้ด้วย หลังจากรักษาตัวหายดีแล้ว คงต้องไปทำบุญเรียกขวัญครั้งใหญ่ ที่รอดตายมาเหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี