"Thai Stick" หมอมนูญ แนะ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญาชาวบ้าน โด่งดังด้านสันทนาการ เชื่อรื้อฟื้น ผลิต ประชาสัมพันธ์ หาตลาด ส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ
ข่าวที่น่าสนใจ
หมอมนูญ โพสต์เล่า ผมเป็นคนรุ่นเก่า ยังจำได้เมื่อ 48 ปีที่แล้ว ค.ศ. 1974 สมัยที่ผมทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเลิกงานพยาบาลอเมริกันชวนสูบกัญชา เธอรู้ว่าผมเป็นคนไทย ถามผมว่ารู้จัก “Thai Stick” ไทยสติก (ดูรูป) กัญชาเสียบไม้ หรือไม่ เพราะขณะนั้น Thai_Stick โด่งดังมาก ๆ คนอเมริกันรู้จักดี ดังในแง่ที่สูบแล้วเคลิบเคลิ้ม สนุกสนาน เพราะมีสารเมา THC สูง เวลาสูบให้ดึงไม้ออก จุดไฟตรงปลาย สูบเหมือนสูบซิการ์ ผมตอบพยาบาลคนนั้นว่า ผมไม่รู้จัก Thai_Stick และปฏิเสธการสูบกัญชา
หมอมนูญ เล่าต่อว่า ช่วงสงครามเวียดนาม ค.ศ. 1961 – 1975 ทหารอเมริกันหลายล้านคนมาประจำการในประเทศเวียดนาม บางคนเคยมาประเทศไทย ได้ลองสูบกัญชาไทย ติดใจ นำ “Thai Stick” กลับไปสูบต่อที่สหรัฐอเมริกา
“กัญชาไทยที่ลักลอบนำเข้าสหรัฐอเมริกาจากประเทศไทยในช่วงนั้น ปลูกในภาคอีสานซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีอากาศร้อน มีสาร THC มากกว่า CBD ราคาที่ประเทศไทยแค่ 3 ดอลลาร์ (60 บาท สมัยนั้น) ต่อกิโลกรัม ขายที่สหรัฐอเมริกา 4,000 ดอลลาร์ (80,000 บาท) ต่อกิโลกรัม (ดูรูป) มีการนำกัญชาจากไทยเข้าสหรัฐฯ หลายพันตันช่วง ค.ศ. 1968 – 1972”
แต่หลังจากปี ค.ศ. 1975 สหรัฐอเมริกาถอนทหารทั้งหมดออกจากเวียดนาม ไม่มีการนำกัญชาไทยเข้าสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป คนอเมริกันและคนไทยรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่มีใครรู้จัก Thai_Stick อีกแล้ว
ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามี 37 รัฐที่เปิดทางให้ชาวอเมริกันสามารถใช้กัญชาได้ตามใบสั่งยาจากแพทย์ ในจำนวนนี้ 19 รัฐ รวมทั้งนิวยอร์ก มีกฎหมายเปิดทางให้ชาวอเมริกัน อายุ 21 ปีขึ้นไปใช้เพื่อสันทนาการได้
เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ Thai_Stick เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านในอดีต กัญชาไทยเคยเป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกันในอดีต มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านสันทนาการ ถ้าไทยสามารถรื้อฟื้นผลิต Thai_Stick ประชาสัมพันธ์ หาตลาด ส่งออกผลิตภัณฑ์นี้อย่างถูกกฎหมายไปประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เปิดเสรีให้ใช้เพื่อสันทนาการ กัญชาจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าประเทศ
“ผมไม่ได้พูดถึงกัญชงซึ่งเป็นพืชคนละชนิด มีสาร CBD มากกว่า THC มีประโยชน์นำไปใช้ในด้านการแพทย์” หมอมนูญ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง