สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. จัดการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACIT Award 2022) ภายใต้แนวคิด “ผ้าไทยใส่ได้ทุก Gen” เป็นการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นในรูปแบบ Ready to wear จากผ้าไทยที่สะท้อนภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ความงามของผ้าไทยใน 4 ภูมิภาคได้อย่างร่วมสมัย มุ่งเน้นต่อยอดงานผ้าไทยประเภทต่างๆ จากผลงานการสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการผู้เป็นสมาชิก สศท. นำมาประยุกต์ใช้เป็นวัตถุดิบ/วัสดุหลักในการออกแบบให้เกิดเป็นเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย ที่ตรงกับความต้องการของทุกเจนเนอเรชั่น ในแต่ละภูมิภาค เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประกวดได้นำเสนอรูปแบบ และกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบ และตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นในรูปแบบ Ready to wear ที่แสดงให้เห็นถึงการต่อยอดคุณค่าของผ้าไทย โดยมุ่งเน้นให้สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการผสมผสานองค์ความรู้ และภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทยเข้ากับทักษะการออกแบบเสื้อผ้าให้สอดรับกับวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน และนำไปสู่การเชื่อมโยงผลงานสู่ภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นและโอกาสในการร่วมงานกับแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ
นายพรพล เอกอรรถพร รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดประกวดครั้งนี้ว่า SACIT ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายได้นำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์ผลงานที่สื่อถึงกระบวนการ และเทคนิคเชิงช่างดั้งเดิมผสมผสานกับเทคโนโลยี นวัตกรรม ในการพัฒนาลวดลาย เทคนิค รูปแบบแพทเทิร์นชุดจากผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ใช้สอยที่สอดรับกับวิถีชีวิตคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น รวมถึงเป็นการนำเรื่องราวจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ ให้เกิดแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ทักษะฝีมือผลงานศิลปหัตถกรรม ทั้งนี้ผลงานรางวัลชนะเลิศ จำนวน 14 ผลงาน จะได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะแผนธุรกิจโดยการสนับสนุนให้มีการผลิตผลงานเพื่อจำหน่ายจริงร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำ ภายใต้แนวคิด Brand X SACIT Award รวมถึงได้เผยแพร่ผลงาน และมีโอกาสเข้าร่วมในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ทั้งนี้ผ้าไทยในแต่ละภูมิภาคมีอัตลักษณ์และคุณค่าที่แตกต่างกันไป ผ้าแต่ละผืนมีเรื่องราวและภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่ในนั้น การประกวดในครั้งนี้จึงได้แบ่งการประกวดในแต่ละหัวข้อ ให้เป็นการประกวดในแต่ละภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อให้ได้ตัวแทนที่เหมาะกับคนในแต่ละเจนเนอเรชั่น เพื่อเกิดเป็นค่านิยมให้คนทั่วไปหันมาสวมใส่ผ้าไทยมากขึ้น”