จับตา “เศรษฐกิจไทย” ของผู้กองธรรมนัส ไปต่อหรือแพแตก

จับตา "เศรษฐกิจไทย" ของผู้กองธรรมนัส ไปต่อหรือแพแตก

การเลือกตั้งซ่อมที่เขต 4 ลำปาง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งนายเดชทวี ศรีวิชัย ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย พลิกล็อกเอาชนะ นายวัฒนา สิทธิวัง แชมป์เก่า อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ ที่ครั้งนี้ลงในนามพรรคเศรษฐกิจไทยของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ไปด้วยคะแนน 5 หมื่น ต่อ 3 หมื่นคะแนน

ผลการเลือกตั้งดังกล่าวทำให้ร้อยเอกธรรมนัสเสียหน้าไม่น้อย เพราะสนามนี้ถือเป็นสนามแรกที่เจ้าตัวคาดหวังว่าจะนำพาพรรคเศรษฐกิจไทยแจ้งเกิดให้ได้ หลังจากออกมาจากพลังประชารัฐ ประกอบกับลำปางก็อยู่ในภาคเหนือ ซึ่งถือว่าอยู่ในเขตพื้นที่อิทธิพลของร้อยเอกธรรมนัส แต่เศรษฐกิจไทยกลับแพ้แบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้ร้อยเอกธรรมนัสไปโบ้ยว่าสาเหตุที่พรรคแพ้ เพราะจุดยืนของพรรคไม่ชัดเจน และประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง จึงสั่งให้ลูกพรรคสองคนไปลาออกจากวิปรัฐบาล เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลแล้ว และเตรียมย้ายไปอยู่ฝ่ายค้านแบบเต็มตัว พร้อมกับไม่ปิดโอกาสเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

จุดยืนของร้อยเอกธรรมนัส ทำให้ต้องติดตามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้า จะมี ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจไทย ร่วมวงชำแหละรัฐมนตรีหรือไม่ โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อริเบอร์ 1 ของร้อยเอกธรรมนัส รวมถึงการยกมือโหวต ที่เสียงจากเศรษฐกิจไทยซึ่งเหลืออยู่ 16 เสียง จะโหวตอย่างไร มีแตกแถวหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีหากไปเช็คเสียงทั้งหมดของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่อให้เศรษฐกิจไทยยกมือโหวตไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้ เนื่องจากปัจจุบัน ส.ส.ในสภามีทั้งหมด 477 เสียง แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล จำนวน 269 เสียง ฝ่ายค้าน 208 เสียงเท่านั้น ซึ่งฝ่ายค้านต้องใช้ 239 เสียงเพื่อล้มรัฐบาล หรือหากนำเสียงจากเศรษฐกิจไทย 16 เสียงไปรวม ฝ่ายค้านก็จะเพิ่มเป็น 224 เสียง แต่ก็ยังแพ้เสียงฝ่ายรัฐบาลอีกประมาณ 40 เสียงอยู่ดี ซึ่งเสียงรัฐบาลยังไม่นับรวมเสียงจากบรรดางูเห่าที่ฝากเลี้ยงไว้อีก

นอกจากนี้ในการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2565 ต้องจับตาว่าอนาคตของพรรคเศรษฐกิจไทยภายใต้การนำของร้อยเอกธรรมนัสจะมีชะตากรรมอย่างไร เพราะหากย้อนไปในการศึกเลือกตั้งปี 2562 การเลือกตั้งส.ส.เขต ส.ส.เศรษฐกิจไทยที่ขณะนั้นลงในนามพรรคพลังประชารัฐ หลายพื้นที่ชนะคู่แข่งมาได้ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากกระแสความนิยมในตัวของพลเอกประยุทธ์ โดยพิจารณาได้จาก ส.ส.เขตของเศรษฐกิจไทย ที่ตอนนี้เหลือ 14 คน การเลือกตั้ง ปี 62 ในสีเสื้อพลังประชารัฐ แต่ละคนล้วนเอาชนะคู่แข่งจากพรรคใหญ่แทบทั้งสิ้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1.เขต 1 พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ชนะ นางสาวอรุณี ชำนาญยา ด้วยคะแนน 52,417 คะแนน ต่อ 21,971 คะแนน

2.เขต 1 โคราช นายเกษม ศุภรานนท์ ชนะนายวงพงศ์ โสมัจฉา พรรคอนาคตใหม่ ด้วยคะแนน 25,982 คะแนน ต่อ23,855 คะแนน

 

 

3.เขต 8 โคราช นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ชนะ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี พรรคภูมิใจไทย ด้วยคะแนน 36,473 คะแนน ต่อ 34,817 คะแนน ปัจจุบัน นางทัศนาพร ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

4.เขต 3 ตาก นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ชนะ นายชัยณรงค์ มะเดชะ พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 20,784 คะแนน ต่อ 19,244 คะแนน

 

 

5.เขต 8 ชลบุรี นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ชนะ น.ต.สุรสิทธิ์ ทะวะลัย พรรคอนาคตใหม่ ด้วยคะแนน 33,967 คะแนน ต่อ 25,874 คะแนน

6. เขต 1 พิจิตร นายพรชัย อินทร์สุข ชนะ นายจักรพงศ์ บุบผา พรรคเสรีรวมไทย ด้วยคะแนน 24,781 คะแนน ต่อ 20,375 คะแนน

 

 

7.เขต 1 แม่ฮ่องสอน นายปัญญา จีนาคำ ชนะ นายสมบัติ ยะสินธุ์ พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยคะแนน 29,754 คะแนน ต่อ 23,050 คะแนน

8.เขต 3 สมุทรสาคร นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ชนะ นายปัญญา ชวนบุญ พรรคชาติไทยพัฒนา ด้วยคะแนน 25,323 คะแนน ต่อ 23,671 คะแนน

 

 

9.เขต 7 ขอนแก่น นายสมศักดิ์ คุณเงิน ชนะนายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 40,252 คะแนน ต่อ 38,010 คะแนน

10.เขต 2 สุรินทร์ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ชนะ นายชูชัย มุ่งเจริญพร พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 35,446 คะแนน ต่อ 24,465 คะแนน

 

11.เขต 3 พะเยา นายจีรเดช ศรีวิราช ชนะ นายไพโรจน์ ตันบรรจง พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 41,755 คะแนน ต่อ 30,761 คะแนน

12.เขต 1 ตาก นายธนัส ทวีเกื้อกูลกิจ ชนะ นายนัสชัย มูลสาย พรรคอนาคตใหม่ ด้วยคะแนน 43,787 คะแนน ต่อ 19,664 คะแนน

 

13.เขต 1 กำแพงเพชร นายไผ่ ลิกค์ เขต 1 กำแพงเพชร ชนะ นายวีระศักดิ์ สุ่นส่า พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 32,642 คะแนน ต่อ 18,834 คะแนน

14.เขต 6 อุบลราชธานี นายธนะสิทธิ์ โค้วสุรัตน์ ชนะ นายพิสิษฐ์ สันตพันธุ์ พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 32,630 คะแนน ต่อ 32,289 คะแนน

 

 

ขณะที่ นายวัฒนา สิทธิวัง ที่เพิ่งแพ้เลือกตั้งซ่อมลำปาง เขต 4 ไปสดๆร้อน ย้อนไปในการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างปี 63 นายวัฒนาที่เวลานั้นลงในนามพลังประชารัฐ เอาชนะคู่แข่งจากเสรีรวมไทย ไปด้วย 61,914 ต่อ 38,336 ชนะขาดกว่า 2 หมื่นคะแนน แต่วันนี้นายวัฒนาที่สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมในสีเสื้อเศรษฐกิจไทย แพ้เสรีรวมไทยไปแบบหลุดหลุ่ย

จึงเกิดคำถามว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า พรรคเศรษฐกิจไทยจะใช้แผนอะไรมาสู้พรรคต่างๆ หรือหากยุบพรรค แล้วไปรวมกับพรรคอื่น เช่น พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่จะยอมหลีกทางให้เด็กของร้อยเอกธรรมนัส ลงสมัครอย่างนั้นหรือ ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นที่สุดท้ายแล้ว ต้องจับตาแบบไม่กระพริบว่า พรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองธรรมนัส จะมีชะตากรรมอย่างไร จะแพแตกก่อนการเลือกตั้งหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น