นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับ 40 CEOs (พลัส) ว่า ภาคเอกชนต่างรู้สึกเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด กระทบต่อเนื่องไปยังความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด
ขณะที่ การจัดหาและการกระจายวัคซีนก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในมุมมองของ 40 CEOs (พลัส) ขอเสนอให้จำกัดเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ควรล็อคดาวน์ทั้งประเทศ โดยให้ดำเนินการควบคุมเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก งดการเคลื่อนย้ายของประชาชน เน้นให้ประชาชนทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
นอกจากนั้น มาตรการที่จะประกาศใช้ต้องคำนึงและให้ครอบคลุมถึงแนวทางการดูแล และเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนควบคู่กันไม่เช่นนั้นจะเกิดการเคลื่อนย้ายของประชาชนกลับภูมิลำเนา ซึ่งส่งผลให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ และในที่สุดจะนำไปสู่ความล้มเหลวทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (เจ็บแต่ไม่จบ) และจะลามไปถึงปัญหาทางสังคมอีกในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบันการฉีดวัคซีนในประเทศไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศไทยได้ 1 โดส 13% และครบ 2 โดสเพียง 4% ของประชากรเท่านั้น สาเหตุเพราะภาครัฐจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่าที่ได้วางแผนไว้
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงขอเสนอให้ภาครัฐต้องมีการเตรียมการ ทั้งจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เร็วและเพียงพอ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน 25 ศูนย์ นอกโรงพยาบาล ของหอการค้าไทยและภาคีมีความสามารถที่จะเสริมและรองรับการกระจายวัคซีนได้จำนวน 80,000 โดสต่อวัน และมีมาตรการรองรับผู้ฉีดทุกกลุ่มอายุ สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ จึงอยากให้ภาครัฐพิจารณาใช้ประโยชน์จากศูนย์ฉีดฯ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ภาครัฐควรจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะมารักษาเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ และเพิ่มจำนวนเตียงที่มารองรับผู้ป่วยให้มากขึ้นอีกด้วย รวมถึงมีมาตรการ Home Isolation ที่ชัดเจน พร้อมเสริมการตรวจเชิงรุกโดย Rapid test ในราคาที่เหมาะสม เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมา