จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสภาพ สถานที่ทุ่งนาข้างป่าช้าเป็นสถานที่กักตัว จนเกิดกระแสในโลกโซเชี่ยล ซึ่งหลังจากมีการโพสภาพนี้ออกไปต่างก็มีชาวเนตให้ความสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย บ้างก็บอกว่าเหมาะสมหรือไม่กับการให้ผู้ป่วยหญิงตัวคนเดียว มานอนที่เต็นท์ข้างป่าช้าอย่างนี้
ล่าสุดวันที่9 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ บ้านตะโมม ตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจุดที่กางเต็นท์ให้เป็นสถานที่กักตัว ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยมีเต็นท์กางไว้หนึ่งหลัง และมีเชือกกั้นบริเวณ โดยใช้เตียงไม้ไผ่ 1 เตียง พัดลม ถังน้ำ และชุดที่นอนพร้อมผ้าห่ม 1 ชุด ของใช้บางส่วนอยู่ภายในเต็นท์และไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้น
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอธวัชบุรีก็ได้รับคำยืนยันว่า กรณีดังกล่าวผู้ป่วยซึ่งติดเชื้อยืนยัน ได้ติดต่อมาทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ดว่าต้องการจะกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านเกิด แต่ไม่ได้ประสานมายังพื้นที่ และทราบจากญาติว่าผู้ป่วยได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯช่วงประมาณ 21:00 น วันที่ 6 ก.ค.และมาถึงจังหวัดร้อยเอ็ดประมาณ 05:00 น ของวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยันรายนี้เป็นหญิง และมีกลุ่มเสี่ยงคือน้องชาย เดินทางกลับมาด้วยกัน ญาติได้ติดต่อขอให้รถนำส่ง ไปส่งน้องชายเข้าสถานที่กักตัวผู้ที่เดินมางมาจากพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดร้อยเอ็ด ณ โรงแรมธนินทร จากนั้นญาติได้ติดต่อกับทางรพ.ร้อยเอ็ดเพื่อขอนำตัวผู้ที่เป็นพี่สาวไปรักษาที่ รพ. ญาติได้รับการยืนยันว่ายังไม่มีเตียงว่าง เพราะอยู่ในระหว่าง เคลียร์ผู้ป่วย
ทันทีที่คณะทำงานควบคุมโรคติดต่อของอำเภอธวัชบุรีทราบเรื่อง จึงได้จัดทีมเดินทางมาตรวจสอบ และจำเป็นต้องหาที่พักชั่วคราวให้ก่อน โดยมีการประสานไปหลายจุด ในแต่ละจุดส่วนหนึ่งมีกระแสต่อต้านจากชาวบ้านไม่ยินยอมให้นำผู้ป่วยเข้าไปอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านหรือชุมชน เพราะกลัวเกิดการแพร่เชื้อ กระทั่งมีผู้ใหญ่รายหนึ่งมีเจตนาดี แจึงบอกว่าให้ไปพักคอยที่สวนหลังบ้านใกล้ชายป่า โดยมีทีมทำการกางเต็นท์ให้ ทำให้ประชาชนบางคนที่ผ่านไปเห็นเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งจริงๆแล้วตรงนั้นไม่ใช่โรงพยาบาลสนามอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่เป็นสถานที่พักคอย ระหว่างรอการประสานกับทาง รพ. และใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ดก็แจ้งให้สามารถนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามระบบได้ตามปกติ