จากกรณีเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่โรงงานสารเคมีใน ซ.กิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. ผลกระทบจากอัคคีภัยครั้งนี้ที่มีทั้งผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและประชาชนที่ต้องอพยพจากพื้นที่นับพันคน หลังจากใช้เวลากว่า 24 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิงและการระเบิดของที่บรรจุสารเคมีอันตราย โดยมีการระดมทั้งรถดับเพลิงและเฮลิคอปเตอร์จากหลายหน่วยงานมาช่วย ในที่สุดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ซึ่งมีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการเป็นประธานก็แจ้งว่าควบคุมเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานสารเคมี บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัดได้แล้วเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 6 ก.ค. แต่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังต้องเร่งวางแนวทางเพื่อจัดการสารเคมีตกค้างในพื้นที่
ล่าสุดวันที่9 ก.ค. 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์เพลิงไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี ได้ตั้งโต๊ะแถลงสรุปข้อยุติในการแก้ไขสารตกค้างอยู่ในพื้นที่ สารเคมีที่อยู่ด้านนอกใช้สาร F500 ในการฉีดพ่น ทำให้สารสไตรีน แปรสภาพไป ดำเนินการเสร็จสิ้นตั้งแต่ 7 กรกฎาคม 64 ส่วนสารเคมีที่อยู่ในถัง ได้ดำเนินการโดยการเติมสาร D5 ลงไปในถัง จำนวน 600 ลิตร เพื่อนำไปผสมกับตัวสไตรีน 600,000 ลิตร ผลทำให้เกิดความเสถียร หลังจากสามารถควบคุมสารเคมีทั้งในถังและนอกถังได้แล้วก็จะนำสารเคมีจากถังไปกำจัด โดยบริษัทมหาชน จำกัด อัคคีปราการ จะเป็นผู้ดำเนินการเคลื่อนย้ายสารเคมีไปทำลายโดยใช้เตาความร้อนสูงกว่า 1 พันองศาในการเผาสารเคมีดังกล่าว
ส่วนการเคลื่อนต้องใช้ รถไอโซแท้งค์ ขนาดความจุ 24 คิว ที่มีระบบเซฟตี้วาล์วเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของออกซิเจน และต้องนำรถไฮโซนแท้งค์ เข้าใกล้ถังบรรจุเคมีให้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัย โดยระหว่างในช่วงปฏิบัติการต้องมีรถดับเพลิงคอยเฝ้าระหวังให้พร้อมด้วยรถพยาบาล อย่างไรก็ต้องรอผลและเงื่อนไข ระหว่าง บริษัท ผู้รับจัดการ และ บริษัท ผู้ว่าจ้างคือ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล ต้องเป็นผู้ทำสัญญาก่อนที่จะมีการพิจารณาตามขั้นตอน และตั้งแต่งช่วงเช้าของวันนี้ จะสังเกตได้ว่า มีรถสิบล้อบรรทุกทรายจำนวนหลายสิบคัน ที่บรรทุกทรายเต็มคันวิ่งเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุเพื่อเตรียมเคลียร์พื้นที่ให้รถขนย้ายสารเคมีดังกล่าวเข้าใกล้ตัวถังให้ได้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัย