วันที่ 18 ก.ค.65 ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที ได้นัดหารือร่วมกับนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC และคณะเป็นครั้งแรก ในประเด็นปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งใช้ระยะเวลาหารือร่วมกันประมาณ 45 นาที
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวภายหลังการหารือ ว่า ต้องขอขอบคุณ BTSC ที่ตอบรับคำเชิญร่วมพูดคุยหารือร่วมกัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ และนำไปสู่การพูดคุยต่อไป ซึ่งการหารือวันนี้ ได้มีการแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่กทม. จะเปิดเผยสัญญาจ้างเดินรถ หลังจากที่เคทีได้มีการส่งสัญญาให้แก่ กทม.ไป ซึ่งทางผู้บริหารของ BTSC ได้กล่าวว่า ในการเปิดสัญญาจะต้องมีความเท่าเทียมกันกับบริษัทอื่นที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าอื่น ซึ่งตนจะนำไปแจ้งให้ผู้บริหารกทม.ทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ขณะเดียวกัน ได้หารือถึงคดีความที่ค้างอยู่ในศาลปกครอง เรื่องการเรียกร้องค่าจ้างเดินรถตามสัญญาซึ่งกทม. ยังค้างจ่ายอยู่ขณะนี้ โดยจะยังให้คดีดังกล่าวดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป แต่ก็จะมีการเจรจาและหารือร่วมกันในเรื่องของตัวเลขมูลหนี้ต่างๆ ที่ยังมีความเห็นต่าง ให้มีความเข้าใจตรงกันและเป็นแนวทางให้การชำระหนี้ต่อไป ซึ่งหากสามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ อาจจะไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาของศาล เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของมูลหนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนำมาสู่การถอนฟ้อง ยุติคดีความ โดยจะตั้งคณะทำงานร่วมกันทั้งสองฝ่าย ในการศึกษาและนำข้อมูลมาหารือพร้อมกัน
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง ระบุอีกว่า จากการต่อสัญญาสัมปทานที่จะยาวไปถึงปี 2585 มาถึงวันนี้ ล่วงเลยมา 10 ปีแล้ว อาจจะมีการรื้อสัญญาขึ้นมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง ซึ่งทาง BTSC เห็นพ้องให้มีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย โดยต้องอยู่บนข้อมูล เหตุผลที่พิสูจน์ได้
อีกทั้งในบางเรื่องที่ไม่เคยปรากฏในสัญญาการเดินรถ เช่น ค่าโฆษณา ที่ติดประชาสัมพันธ์อยู่ข้างรถไฟฟ้า อาจจะมีการพิจารณาทบทวนร่วมกัน เนื่องจากเป็นรายได้ที่เพิ่มเข้ามา รวมถึง เรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ หากมีผลกระทบ หรือ การเปลี่ยนแปลงถึงสัญญา ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้มีความชัดเจนตามกลไกในปัจจุบันมากขึ้น
สำหรับการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว จะต้องมีการวางแผนร่วมกัน โดยกทม.จะต้องเป็นผู้กำหนดราคาขึ้นมาก่อน จากนั้นทาง BTSC ขอเวลาทำระบบจะเป็นผู้วางระบบรวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ โดยจะใช้เวลาล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เพื่อแจ้งให้ประชาชนรับทราบ ส่วนตนเองนั้น ไม่ทราบว่าค่าโดยสารจะอยู่ในอัตราเท่าใดเพราะตนเป็นเพียงผู้ส่งสารเท่านั้น
“การเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย แม้ไม่ได้เป็นหน้าที่ของกรุงเทพธนาคมโดยตรง เป็นภารกิจที่เป็นการตัดสินใจของกทม. ผมก็รับเป็นบุรุษไปรษณีย์ เค้าฝากไปแจ้งทางกทม.ด้วยว่าในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติอยู่ในภาคสนาม เค้าอยากขอเวลา เมื่อการตัดสินใจกทม.ของมีความชัดเจนว่าจะเพิ่มราคา จะกำหนดราคาเป็นจำนวนเท่าไร เค้าก็ต้องไปทำในเรื่องระบบ ป้าย ตัวเลขหน้าจอ ขอใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก็จะรีบนำประเด็นนี้เรียนให้ทางผู้บริหารกทม.ได้ทราบเหมือนกัน “ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าว