วันที่ 19 ก.ค.65 การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงแรก ภายหลังที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาอภิปรายเปิดหัวเสร็จ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอลุกขึ้นชี้แจงทันที ว่าวันนี้รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบและรวมกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่มีชื่อว่าสปายะสภาสถานหมายถึงเป็นสถานที่ที่ประกอบกรรมดีในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยามใดที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายพระมหากษัตริย์ทรงสร้างสถานที่เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจไพร่ฟ้าประชาชนและหลอมรวมจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวและรวมพลังกันฟันฝ่าอุปสรรคให้ประชาราษฎร์อยู่รอดปลอดภัย บ้านเมืองสงบสันติจับถึงทุกวันนี้ถือเป็น เป็นช่วงเวลาที่จะช่วยกันขบคิดถกแถลงเพราะเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ
ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกก็ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหนเหมือนกันที่ไปลงคะแนนลงมติข้างนอก ตนไม่เคยได้ยิน แบบนี้ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดินเพราะฉะนั้นวันนี้มีปัญหามากมายที่ตั้งโจทย์หัวข้อมาหรืออาจจะฟังไม่หมดฟังไม่เข้าใจ เพราะอาจจะใช้อวัยวะข้างเดียวฟัง ไม่ได้ฟังสองข้าง ถ้าฝ่ายค้านพูดมาผมก็ขอพูดบ้าง เพราะค่อนข้างจะพูดรุนแรงอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องละทิ้งฐิถิ อคติ ผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลังและยึดถึงประโยชน์ของส่วนรวมคนในชาติเป็นที่ตั้งถ้าเรามีความรักสามัคคีกันไม่ขัดแย้งกันปัญหาทุกอย่างแก้ได้หมดถ้ามีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
เช่นการแก้ปัญหาโควิดก็ขอให้ฟังรองนายกชี้แจงตลอด 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าเราทำได้ดี หมอสาธารณสุข ทหาร ทุกส่วนมาช่วยกัน ซึ่งเกิดผลสำเร็จเปิดประเทศได้อย่างสมบูรณ์นานาชาติยกย่อง ซึ่งก็รับฟังทุกส่วนทุกฝ่ายเพราะนายกฯไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งที่สุด เหมือนบางคนที่พวกท่านว่าฉลาดที่สุด แต่ตอนนี้ไปอยู่ไหนไม่รู้
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ประเทศไทยมี ทั้งการเติบโตในหลายหลายด้านอย่างก้าวกระโดด แต่เรื่องวิกฤต และความขัดแย้งของคนในชาติ ที่เกิดขึ้นกว่า 10 ปีมาแล้ว ตนไม่ใช่ตัวทำให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ย้อนกลับไปดู พฤติกรรมย้อนกลับไปดูความผิดย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก ถึงแม้ว่าเราจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างแต่เพื่อต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยตนไม่ใช่คนที่ต้องการให้เกิดการแบ่งพวกแบ่งฝ่ายซึ่งทุกคนรู้พฤติกรรมดีว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ขณะที่บอกว่า การบังคับใช้กฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนถามว่ากฎหมายอะไร กฏหมายทั่วไปหรือไม่เป็นกฎหมายปกติใช่ไหมแต่หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้