“อัษฎางค์” เปรียบเทียบฟอร์ม “ประยุทธ์-ทักษิณ” ใครเก่งกว่ากัน

ดังนั้น คงไม่มีใครบอกว่า คนที่เรียนจบปริญญาเอก สาขาอื่นๆ เช่น สาขาอาชญวิทยาอย่างที่ทักษิณเรียนจบมา นั้น แปลว่าทักษิณเรียนเก่งกว่าหมอ จริงมั้ย ในทางเดียวกัน คงไม่มีใครบอกว่า คนที่เรียนจบปริญาเอกสาขาอาชญวิทยาอย่างที่ทักษิณเรียนจบมา นั้น แปลว่าทักษิณเรียนเก่งกว่าคนที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อย จปร. อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากวุฒิปริญญาเอก ไม่มีความจำเป็นสำหรับการเป็นหมอหรือทหาร แต่นับตั้งแต่เรียนจบโรงเรียนนายร้อย พล.อ.ประยุทธ์ มีความเจริญก้าวหน้าในสายงานจนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กร ในขณะที่ทักษิณ ซึ่งจบโรงเรียนนายร้อยแล้วยังไปเรียนเพิ่มเติมจนจบปริญญาเอก กลับไม่ประสบความสำเร็จในสายงานที่ทำงานเลย จนต้องลาออกจากงานราชการ แต่ทักษิณกลับไปประสบความสำเร็จอย่างสูงในสายงานธุรกิจ ซึ่งมีการพูดกันว่า เป็นการใช้ความสามารถส่วนตัวในการซิกแซกทำธุรกิจที่อาศัยผลประโยชน์ใต้โต๊ะระหว่างธุรกิจส่วนตัวของทักษิณกับหน่วยงานราชการ ซึ่งทักษิณรู้ช่องทางและช่องโหว่ดี นั้นเป็นที่มาที่ทำให้เขามีความสามารถในการบริหารงานการเมือง ด้วยการนำความสามารถในการซิกแซกทำผลประโยชน์ใต้โต๊ะ มาใช้ในการบริหารงานการเมือง

แต่ทักษิณที่คุยโอ้อวดตลอดมาว่า ตนเองมีความสามารถเหนือใครๆ เหนือพล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียง 5 ปี กับ 222 วันเท่านั้น ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถูกทักษิณด้อยค่าเรื่อยมา กลับเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี แบบนี้ยังกล้าคุยโวว่าเก่งกว่าอีกหรือ ? “แมวขาวหรือแมวดำ หากจับหนูได้ก็ถือว่าดี” คือวาทะกรรมบันลือโลกของ เติ้ง เสี่ยง ผิง

ทักษิณก็เคยมีวาทะกรรมทำนองนี้ซึ่งเป็นทัศนคติของทักษิณที่เกี่ยวข้องกับแข่งขัน ในทำนองว่า “แพ้ชนะ ไม่ได้วัดกันที่วิธี แต่วัดกันที่ผลลัพธ์” ดังนั้น 8 ปี ถือว่าชนะ 5 ปี และคนที่อยู่มาได้ 8 ปี แปลว่า เก่งกว่าคนที่อยู่มาได้เพียง 5 ปี และสิ่งที่อาจทำให้ทักษิณกระอักเลือดอยู่หลังจอ คอมพิวเตอร์หลังจาก live สดต่อไป คือ ประยุทธ์จะอยู่ต่อไปอีก 4 ปี แบบนี้ คงต้องรอนำขี้เถ้ากลับบ้านทางประตูหน้าต่อไป สรุปสิ่งที่ ทักษิณเก่งกว่าใคร และเก่งกว่าพล.อ.ประยุทธ์ คือ โกงเก่งกว่าใครทั้งหมด