วันที่ 20 ก.ค. 65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คนต่อเป็นวันที่สอง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวชี้แจงกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายฯข้อหาการทุจริตถุงมือยางภาคสองว่า ผู้อภิปรายได้ฉายหนังเก่า ที่พูดมาทั้งหมดกว่า 90% เป็นเรื่องที่ได้เคยพูดมาแล้ว เพียงแต่มาเติมว่าตั้งแต่วันที่อภิปรายครั้งก่อนจนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และว่าตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานบอร์ด ฉะนั้นเรื่องที่ผู้อภิปรายยังพูดไม่เป็นความจริง ที่ป.ป.ช.ไต่สวนนั้นเป็นเพราะองค์การคลังสินค้า(อคส.)ไปยื่นแจ้งกับป.ป.ช. ไม่ใช่ข้อมูลนายประเสริฐ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเลย เพราะตนยังไม่เคยไปชี้แจงกับป.ป.ช. ที่กล่าวหาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่จริงทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
นายจุรินทร์ ชี้แจงอีกว่า ภารกิจของ อคส.ในการที่ต้องทวงเงินคืนนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องถุงมือยาง แต่มีเงิน 3 ก้อน 1.ทุจริตจำนำข้าว 2.ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย และ3.ทุจริตมันสำปะหลังคู่แฝดทุจริตจำนำข้าวนั่นเอง โดยกรณีทุจริตถุงถือยาง 2,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพราะอดีตรักษาการณ์ผอ.อคส. ไปทำสัญญาขายถุงมือยาง 125,000 ล้านบาทให้กับ 7 บริษัท หลังจากนั้นก็มาทำสัญญาถุงมือยางกับบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ 110,000 ล้านบาท เพื่อจะได้เป็นเงื่อนไขในการเบิกเงิน อคส.ไป 2,000 ล้านบาทที่อ้างว่าไปจ่ายค่ามัดจำ ทั้งนี้ผอ.อคส.คนใหม่ที่เข้ามาเมื่อทราบว่ามีเงินหายจากบัญชี 2,000 ล้านบาทก็ได้แจ้งให้ตนทราบ และวันเดียวกันนายกฯได้มีคำสั่งย้ายอดีตรักษาการณ์ อคส.ไปยังสำนักนายกฯทันที แบบนี้เรียกว่านายกฯละเลยต่อเรื่องนี้ได้อย่างไร จากนั้นผอ.อคส.ตั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง และไปแจ้งความกับดีเอสไอและป.ป.ง.เมื่อวันที่ 18 ก.ย.63 เพื่ออายัดเงินทันที และยังไปแจ้งกับป.ป.ช.ด้วย และป.ป.ช.ได้มีมติเมื่อวนที่ 29 ต.ค.63 อายัดเงิน 2,000 ล้านบาท อีกทั้งมีความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ อคส. และชี้มูลวามผิด 3 ราย คืออดีตรักษาการณ์ผอ.อคส. และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย ที่ท่านบอกว่าไม่เคยมีการตั้งคณะกรรมการสอบ หรือไม่เคยอายัดเงินเลยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะที่ผ่านมาก็มีการตั้งกรรมการสอบและอายัดเงิน