“ศักดิ์สยาม” แจงชัด 4 ข้อสงสัย ยันไม่เคยแทรกแซงการทำงานหน่วยงานในสังกัด

“ศักดิ์สยาม” แจง 4 ประเด็นข้อกล่าวหา เขากระโดง -ซุกหุ้น - แทรกแซงจัดงบ ไม่เป็นความจริง ยืนยันดำเนินงานโปร่งใส ยึดหลักกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล

วันที่ 20 ก.ค. 65 ในการประชุมสภาฯ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ในวันที่สอง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ลุกขึ้นชี้แจง ใน 4 ประเด็น 1. ที่ดินเขากระโดง 2. ข้อกล่าวหาซุกหุ้นหจก.บุรีเจริญฯ 3. การจัดงบของคมนาคมไปที่บุรีรัมย์มากผิดปกติ ยืนยันไม่เคยแทรกแซงการจัดงบ และ 4. โครงการ ‘MR-MAP’ ไม่ตอบโจทย์ ซ้ำซ้อน

โดยนายศักดิ์สยาม ได้ชี้แจงถึงกรณีพิพาทที่ดินเขากระโดงว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ โดยหน่วยงานของรัฐ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตนเองนั่น เป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่เท่านั้น พร้อมยืนยัน ไม่เคยเเทรกแซงการทำงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และยังสั่งให้ รฟท. ได้ดำเนินการตามกฎหมาย และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ รวมถึงสั่งการให้การรถไฟ แก้ปัญหาที่ดินบริเวณเขากระโดง ให้ทำด้วยความเท่าเทียมและโปร่งใส

ทั้งนี้ ในการฟ้องร้องให้ประชาชนออกจากพื้นที่นั้น ถือว่าไม่เป็นธรรม และในการออกเอกสารสิทธิเป็นการออกโดยกรมที่ดิน ซึ่งหน่วยงานของรัฐ ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยขณะนี้ รฟท.ได้ ฟ้องกรมที่ดิน และศาลได้มีคำวินิจฉัยรับคำร้องแล้ว ดังนั้น เมื่อเข้าสู้กระบวนการของศาล ก็จะต้องเชื่อมั่นในกระบวนการพิจารณาของศาล และให้ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล และการนำข้อมูลมาอภิปราย หรือวิจารณ์นั้น จะต้องพึงระวังเพราะอาจเป็นการก้าวล่วงศาลได้

นอกจากนี้ ในการอภิปรายที่มีการพาดพิง นายชัย ชิดชอบ บิดาของนายศักดิ์สยาม นั้น ระบุว่า ในส่วนของที่ดินที่นำมาอภิปรายนั้นเป็นคนละเเปลงกับที่มีการเช่าที่ดินของการรถไฟ และเป็นพื้นที่ที่มีการทำสัญญาเมื่อนานมาแล้ว ไม่ได้เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ดังนั้น เมื่อศาลฎีกาคำพิพากษา ให้ที่ดินเขากระโดงเป็นของการรถไฟ ในมาตรา 145 ใช้สำหรับยืนยันสิทธิ รฟท. ในที่ดินที่อยู่ในคำพิพากษาเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้บังคับเเปลงอื่นได้ และส่วนที่ดินของนายเอ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมบังคับคดี ตามขั้นตอน ไม่ได้มีการละเว้น เลือกปฏิบัติ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนกรณีการขายหุ้นของ หจก. บุรีเจริญ เป็นการ ทำนิติกรรมอำพราง และสงสัย เป็นการซื้อขายปลอมไม่มีการจ่ายเงินจริง เพื่อให้ ได้ประโยชน์จากการรับงานจากกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ไม่ได้มีส่งนเกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญฯ แต่ยอมรับ มีการซื้อขายหุ้นกันจริงกับเพื่อนชื่อนายศุภวัติ และมีหลักฐานการโอนเงิน จากธ.ธนชาต จำนวน 3 ครั้ง รวม 119,500,000 บาท ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 60 จำนวน 30 ล้านบาท ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ก.ย. 60 จำนวน 35 ล้านบาท และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 61 จำนวน 49.5 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ไม่มีการเปลี่ยนเอกสารรายชื่อในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เนื่องจากตามระเบียบกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การดำเนินการที่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมคือเรื่องของการเพิ่มทุน //การซื้อขายหุ้นไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสาร ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นนั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องรายงานสมาชิกฯ และการดำเนินการเกิดขึ้นก่อนที่ตนเองจะเข้ารับตำแหน่ง ดังนั้น ในการยื่นบัญชีป.ป.ช.จะต้องแจ้งทรัพย์สินในขณะนั้น

ส่วนกรณีที่มีตั้งข้อสังเกตุการประมูลมีงานลักษณะฮั้วประมูล นายศักดิ์สยาม ยืนยัน ไม่มีโอกาส และไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะได้ให้หลักในการทำงานข้าราชการในกระทรวง 4 ข้อ โดย ให้ทำตามกฎหมาย ให้ทำตามมติครม. ให้ทำตามหลักธรรมาภิบาล และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงในการดำเนินการจะใช้พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง และใช้วิธีอีบิดดิ้งของ กระทรวงการคลัง

นายศักดิ์สยาม กล่าวถึง การจัดงบของกรมทางหลวงไปยังบุรีรัมย์มากผิดปกติว่า การดำเนินเรื่องการจัดงบประมาณต้องมีการพิจารณาการขอตั้งงบประมาณของ คมนาคม และในการดำเนินการกรมทางหลวงชนบทและกรมทางหลวงจะต้องส่งโครงการที่มีความพร้อมมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงปลัดกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาก่อนจะส่งเรื่องมายังตนเองเพื่อพิจารณาและลงนามอนุมัติตามขั้นตอน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และยืนยันว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ได้รับงบประมาณมากผิดปกติ และไม่มีการกระจุกตัว ซึ่งกระทรวงคมนาคม คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก

 

สำหรับ โครงการ ‘MR-MAP’ ที่การตั้งข้อสังเกตว่ามีความซ้ำซ้อน ทั้งรถไฟความเร็วสูง และมอเตอร์เวย์ เกรงประโยชน์จะไม่ตกไปยังประชาชน รวมถึงการเวนคืนที่ดินที่สูงเกินไป และมีการเอื้อการดำเนินการในบุรีรัมย์ นายศักดิ์สยาม ระบุว่า โครงการ ‘MR-MAP’ เป็นแผนแม่บทมีการหารือไว้นาน ยืนยันเป็นการแก้ปัญหาในอดีตและสร้างประโยชน์ให้ประชาชน พร้อมเชิญ นายสุรเชษฐ์ เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ผู้บริหาร วิศวกร ของโครงการนี้ เพื่อทำให้เกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนพัฒนา สร้างโอกาสสร้าง โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นระบบเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต วางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ โดยงบประมาณที่จะใช้เงินลงทุน 5.5 ล้านล้านบาท ขณะนี้ยังไม่ได้ใช้เงินดังกล่าว โดยคมนาคมมองว่าไม่จำเป็นลงทุนพร้อมกัน ซึ่งการลดการลงทุน จะเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้ามาร่วมลงทุนผ่านระบบ PPP

พร้อมระบุว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผู้อภิปราย ไม่ควรมีการพาดพิงบุคคลภายนอก และยืนยันคำอภิปรายที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น