เมื่อเวลา 09.34 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่ 4 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์ไม่มีความจำเป็นต่อประเทศในภาวะที่ไทยมีปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือจากประเทศจีนจำนวน 3ลำ รุ่นS26T (Yuan class) รวมเรือพี่เลี้ยง การก่อสร้างที่จอดเรือ อาคารทดสอบ และโรงซ่อมบำรุง 9รายการ มูลค่าจำนวน 44,222 ล้านบาท ที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยการันตีว่าเรือดำน้ำจากจีนถูกที่สุด ซื้อ2แถม1 คุณภาพใช้ได้ แต่ราคาจัดซื้อเรือดำน้ำจริง เป็นการซื้อ3ลำ ไม่ได้ซื้อ2แถม1 มันจึงผิดไปจากที่พล.อ.ประยุทธ์บอกไว้
นายยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า โดยเฉพาะเรือดำน้ำลำที่1 มูลค่า 12,424ล้านบาท ที่ไม่มีเครื่องยนต์ อยู่ระหว่างก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560-66 เกิดปัญหาไม่มีเครื่องยนต์ ต้องหยุดสร้าง รวมทั้งเรือพี่เลี้ยง การก่อสร้างที่จอดเรือ อาคารทดสอบ และโรงซ่อมบำรุง เป็นจำนวน 21,722 ล้านบาท ส่วนอีก2ลำ ตั้งงบฯตั้งแต่ปีในปี2563-69 มูลค่า 22,500 ล้านบาท ยังไม่ได้จัดซื้อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยคัดค้าน อย่างไรก็ตามจีนได้ขอซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมัน รุ่น MTU Series 396 V16 Deisel Engine แต่เยอรมันไม่ขายให้ จึงเกิดปัญหาเรือดำน้ำไร้เครื่องยนต์ แสดงให้เห็นว่าตอนทำสัญญาซื้อขายไม่มีความรอบคอบระมัดระวังที่จะปกป้องรักษาผลประโยชน์ประเทศ เพียงแต่ต้องการใช้งบฯ แล้วเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ เงินจำนวน 21,722 ล้านบาท จากงบประมาณ9รายการ รวมทั้งสิ้น 44,222 ล้านบาท ถือเป็นค่าโง่ที่รัฐบาลต้องจ่าย เป็นเงินมหาศาลที่ภาวะประเทศวิกฤต จ่ายไปแล้วไม่มีเรือดำน้ำ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องรับผิดชอบ คือ 1.โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 44,222 ล้านบาท 2.เรือดำน้ำลำแรกที่ไม่มีเครื่องยนต์และหยุดต่อเรือ 3.ค่าโง่จัดซื้อเรือดำน้ำที่จ่ายไปแล้ว 21,722 ล้านบาท 4.เมื่อจ่ายแล้วสูญสิ้นงบฯโดยเปล่าประโยชน์