ควันหลงอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2565 ซึ่งเป็นศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เทอม 2 ต้องบอกว่าโฟกัสรอบนี้ไม่ได้อยู่ที่ “เนื้อหาสาระ” ของการอภิปรายตัวนายกฯกับรมต.เรือแป๊ะทั้ง 11 คนเลย เพราะข้อหาส่วนใหญ่ที่ฝ่ายค้านเอามากล่าวหานายกฯและรมต.เที่ยวนี้เหมือนแมวข่วน ทั้งๆที่ต้อนโหมโรงทำเป็นจัดหนักจัดเต็มใช้สื่อสารพัดประชาสัมพันธ์หวังฟันรัฐบาล แต่ถึงเวลาจริงๆมีแต่เรื่องเก่าๆ ขี้มาเลียบค่าย เรื่องที่เอามากล่าวโจมตีก็มีแต่เรื่องเดิมๆ สรุปคราวนี้ฝ่ายค้านบ้อท่าพรรคเพื่อไทยสิ้นราคาโม้มากแต่เอาจริงก็ทำได้ไม่สมราคาคุย
ขณะที่กลุ่ม 16 กับบรรดาส.ส.พรรคเล็กที่ระหว่างอภิปราย 19-22 ก.ค. ออกมาเล่นใหญ่เล่นโตจะล้มคนนู้นจะไม่ยกมือให้คนนี้ แต่ถึงเวลาจริงก็หงอรับประทาน ยกมือตามน้ำกดคะแนนไปตามลม แถมยังเจอทีเด็ดคนใกล้ตัวปล่อยใบเสร็จรันเงินมาทำลาย ถูกตราหน้าว่าเป็น “โสเภณีการเมือง” งานนี้ก็จุกอกเจ็บหนักไปตามระเบียบเพราะทำให้คนเห็น “ธาตุแท้” ทางการเมือง ส่วนที่เป็นประเด็นใหญ่เป็นไฮไลต์สำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ต้องมองไปที่พรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล นอกจากการโหวตจะไม่เป็นปึกแผ่นเพราะมีการแตกแถวกันเองแล้ว งานนี้ยังปรากฎว่ามี 6 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็กบฏคว่ำรัฐมนตรีพรรคตัวเอง 6 คนที่แสดงตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ประกอบด้วย 1.กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ 2.ฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ 3.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ 4.ยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ 5.อัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ และ 6.ต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค โดยทั้ง 6 ส.ส.ที่ว่าเป็นก๊วนกลุ่มปากน้ำ ของ “เสี่ยเอ๋” ชมน์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจ.สมุทรปราการ บ้านใหญ่ปากน้ำตัวจริงเสียงจริง
พฤติการณ์ของทั้งหมดไม่ใช่แค่งดออกเสียงเฉยๆ แต่โหวตไม่ไว้วางใจ ตั้งใจล้มรัฐมนตรีคนสำคัญ 2 คนของรัฐบาลเรือแป๊ะเฉยเลย ประกอบด้วย “บิ๊กป็อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.มหาดไทย งานนี้เลยทำให้พล.อ.อนุพงษ์กินบ๊วยเป็นรัฐมนตรีที่ถูกไม่ไว้วางใจมากที่สุด 212 คะแนน ส่วนสุชาติก็กลายเป็นรัฐมนตรีอันดับ 3 ที่ถูกไม่ไว้วางใจมากสุด รองจากพล.อ.อนุพงษ์ และ จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะเหตุใด 6 ส.ส.พลังประชารัฐจึงก่อการกบฏล้มพล.อ.อนุพงษ์กับสุชาติ กรณีของบิ๊กป็อกนั้นต้องบอกว่าด้านหลักน่าจะมาจากเรื่องเดิมๆ ของพล.อ.อนุพงษ์ที่ส.ส.ในพรรคส่วนใหญ่มองเห็นตรงกันว่าเป็นคนเข้าถึงยาก เจ้ายศเจ้าอย่าง ขออะไรก็ไม่เคยได้ เป็นถึงรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงใหญ่ คุณภาพเกรดเอบวก มีเงินมีงบประมาณมหาศาลมีงานบานตะเกียง แต่ไม่เคยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อุปถัมน์ค้ำจุนผู้แทนของพรรคเลย สร้างบารมีคนเดียวใหญ่โตคนเดียวกินอิ่มอยู่คนเดียว โดยไม่คิดช่วยเหลือแผ่เมตตามาถึงส.ส.ในพรรคเลย จึงไม่แปลกที่จะมีความพยายามขย่มพล.อ.อนุพงษ์มาตลอด 7 ปี 8 ปีแล้วบิ๊กป็อกก็ยังบินเดี่ยวเหมือนเดิม เที่ยวนี้เลยต้องสั่งสอนให้หลาบจำกันบ้าง
ข่าวว่าคนที่หมั่นไส้ต้องการไล่เช็คบิลพล.อ.อนุพงษ์ ไม่ใช่แค่บ้านใหญ่ปากน้ำแต่ของจริงคือ “4 ป.” หรือจะเรียกว่า ป.ที่ 4 ก็ว่าได้ เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ผูกปีแค้นฝั่งหุ่นผูกใจเจ็บพล.อ.อนุพงษ์กันมานานแล้ว รอบนี้ได้ทีใกล้เลือกตั้งใหญ่เข้ามาทุกที จึงต้องโชว์ออกแรงขย่มพล.อ.อนุพงษ์กระทบชิ่งไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นก๊วนเดียวกันแต่อยู่ฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายก็ไม่มีอะไรมากหวังไล่ตะเพิดให้บิ๊กป็อกลุกเจ้าเก้าอี้ “มท.1” งานนี้จะได้ให้ลูกพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงจากหิ้งรองนายกฯ มาเป็นแม่ทัพคุม 76 จังหวัดเตรียมลุยเลือกตั้งด้วยตัวเอง เพราะหากปล่อยให้พล.อ.อนุพงษ์คุมเลือกตั้งคราวหน้ามีหวัง “เจ๊ากับเจ๊ง” ให้กับพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณตั้งแต่ในมุ้ง สอยพล.อ.อนุพงษ์แค่ดาบแรก งานนี้ 6 ส.ส.พลังประชารัฐยังแทงสุชาติซ้ำดาบสอง ปมของสุชาตินั้นต้องเรียกว่าเป็น “แค้นฝังหุ่น” ระหว่างชนสวัสดิ์กับสุชาติ ย้อนอดีตกลับไปคราวเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เกิดความขัดแย้งเรื่องของการส่งตัวผู้สมัครในเขต 7 จ.สมุทรปราการ ที่ชนสวัสดิ์อยากดันต่อศักดิ์ อัศวเหม ลงเขต 7 เพื่อรักษาฐานคะแนนคนปากน้ำไว้ แต่ปรากฎว่าฝ่ายสุชาติซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “เสธ.อ้น” พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชา ส.ว.คนดัง อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 19 (ตท.19 จปร.30 ) ได้ตกลงวางตัว ไพลิน เทียนสุวรรณ นักการเมืองสาวตระกูลดังอีกคนของปากน้ำไว้ในเขต 7 เรียบร้อยแล้ว
งานนี้ก็เลยเกิดการงัดข้อกันระหว่างสุชาติกับพล.อ.กนิษฐ์กับฝ่ายชนสวัสดิ์ แต่ฝ่ายสุชาติกับเสธ.อ้นชนะไพลินได้ลงส.ส.เขต 7 ขณะที่ชนสวัสดิ์ต้องเอาต่อศักดิ์หนีขึ้นส.ส.บัญชีรายชื่อ ปมปัญหาเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่บ้านใหญ่ปากน้ำ รอเวลาชำระแค้นบ้านใหญ่หนองมนมาตลอด ก่อนมาสบโอกาสในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ นอกจากนี้ในส่วนของสุชาติยังมีประเด็นขบเหลี่ยมกับ “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม เจ้าพ่อบางแสนผู้นำบ้านใหญ่ชลบุรี ในเรื่องการขยายบารมีทางการเมืองระหว่างกันด้วย ทั้งเรื่องการส่งตัวผู้สมัครในการเลือกตั้งคราวหน้า เรื่องเลือกตั้งท้องถิ่น ฯลฯ รอบนี้สุชาติเลยโดนสองแรงบวกจากบ้านใหญ่ปากน้ำผนึกกำลังกับบ้านใหญ่ชลบุรี อย่างที่รู้ชนสวัสดิ์กับสนธยาแนบแน่นกันสุดๆ โตมาด้วยกันเป็นสายซิ่งนักแข่งเหมือนกันชอบมอเตอร์สปอร์ตเข้าเส้นไม่ต่างกัน หนำซ้ำตอนนี้ยังมีศัตรูทางการเมืองคนเดียวกัน เพราะทั้งเสี่ยเอ๋กับบิ๊กแป๊ะ ต่างถูกสุชาติรุกคืบตีเมืองขึ้นสมุทรปราการกับชลบุรีเหมือนๆกัน รอบนี้เลยได้ทีเอาคืน
ปรากฎการณ์ 6 ส.ส.พลังประชารัฐโหวตคว่ำพล.อ.อนุพงษ์ล้มสุชาติจึงเกิดด้วยสาเหตุประการฉะนี้ ผลการการสวิงโหวตคว่ำรัฐมนตรีพรรคตัวเอง ตรงนี้ก็ทำให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เคยนิ่ง ที่ผ่านมาก็มีช่วงเวลาที่กระเพื่อมไม่หยุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ก็มีสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่ม 3 มิตร ออกมาทะลุกลางปล้องตีรวนสูตร 500 หารว่าจะไปไม่รอด ระหว่างที่ทุกคนกำลังจดจ่อกับการอภิปรายไม่วางใจ ชนิดที่งงกันทั้งวงการ ย้อนไปไกลหน่อยก็มีกรณี “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรออกมาอัดพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.อนุพงษ์อย่าบริหารประเทศแบบทหาร ชนิดมึนกันทั้งสภา ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทั้ง 2 รายถูกนายห้างใหญ่คนแดนไกลต่อสายเกี้ยวให้กลับบ้านเก่าหวนคืนพรรคเพื่อไทย จับตาลุงป้อมจะแก้ทางสร้างเอกภาพในพรรคพลังประชารัฐกู้ศรัทธาให้กับคืนมาได้อย่างไร
///////////////////////////