จับตารอยร้าว 3 ป.-พปชร.แตก โหวตสวน แต่เตรียมถูกปูนบำเหน็จเป็น รมต.

จับตารอยร้าว 3 ป.-พปชร.แตก โหวตสวน แต่เตรียมถูกปูนบำเหน็จเป็น รมต.

พรรคพลังประชารัฐ ได้เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ และครั้งนี้อาจทำให้ 3 ป.เกิดรอยร้าวอีกครั้ง จากกรณี 6 ส.ส.ปากน้ำ ค่าย เสี่ยเอ๋ ชมน์สวัสดิ์ อัศวเหม ได้แก่ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ,นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ,นายพริม พูลเจริญ ,นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ,นายอัครวัฒน์ อัศวเหม และนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ลงมติโหวตไม่ไว้วางใจ บิ๊กป๊อก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ เสี่ยเฮ้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สวนทางคำสั่ง บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ย้ำให้ส.ส.พรรคโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คน เท่ากัน

ข่าวที่น่าสนใจ

การโหวตคว่ำรัฐมนตรีและแกนนำของพรรค ไม่ใช่ว่าจะมีให้เห็นง่ายๆ ยิ่งเป็นชื่อของพลเอกอนุพงษ์ ซึ่งถือเป็น1ใน 3 ป. เป็นน้องรักบิ๊กป้อม และเป็นพี่ชายสุดที่เลิฟของบิ๊กตู่ ส่วนนายสุชาติ ยังสวมหมวกอีกใบ เป็นถึง ผอ.พรรคพลังประชารัฐ การคว่ำในครั้งนี้ของ 6 ส.ส.ปากน้ำจึงถูกตั้งข้อสังเกตตามมามากมาย ว่าความจริงแล้ว บิ๊กป้อมเองก็ต้องการแย่งเก้าอี้ มท.1 มาจากน้องรักอย่างบิ๊กป็อกหรือไม่ เพราะหากเราย้อนกลับไปดูความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐก่อนหน้านี้ จะเห็นถึงความผิดปกติ ราวกับเรื่องนี้ถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่ต้น

เนื่องจากท่าทีของพลเอกประวิตรในการจัดการกับ 6 ส.ส.ปากน้ำ ดูไม่ขึงขังเด็ดขาด แถมยังไปรับปากว่าจะมอบเก้าอี้รัฐมนตรีให้กลุ่มส.ส.ปากน้ำ 1 ตำแหน่งด้วย ที่สำคัญหากนำไปเปรียบเทียบกับกรณีกลุ่ม 6 ส.ส.ดาวฤกษ์ของพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ที่สวนติพรรค งดลงคะแนนเสียงในการลงมติไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ก็ยิ่งมีความแตกต่างชัดเจน เพราะในครั้งนั้น 6 ส.ส.ดาวฤกษ์ถูกพรรคลงโทษ ด้วยการปลดออกจาวิปรัฐบาล และให้ออกจากทุกตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 3 เดือน และให้ไปขอโทษพรรคภูมิใจไทย

ท่าทีของพลเอกประวิตร ยังไปสอดรับกับเหตุการณ์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ซึ่งพลเอกประวิตร ได้เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อ ให้ร้อยเอกธรรมนัส และกลุ่ม 16 ส.ส. พรรคเล็ก และ ส.ส.พลังประชารัฐส่วนหนึ่งเข้าพบ ซึ่งมีรายงานว่าระหว่างการพูดคุย ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐรายหนึ่ง ได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับการปรับ ครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมเสนอให้พลเอกประวิตรมานั่งเก้าอี้ดังกล่าวแทน ซึ่งมี ส.ส. 4-5 คน รวมถึงส.ส.กลุ่มปากน้ำ ที่ปกติมักไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นลุกขึ้นรับลูก สนับสนุนให้มีการปรับเก้าอี้ มท.1 โดยอ้างว่าไม่เอื้อต่อการเลือกตั้ง แต่ที่น่าสังเกตคือ พลเอกประวิตรไม่ปฏิเสธ บอกแต่เพียงว่า หลังโหวตค่อยว่ากัน ผมจะลองคุยกับนายกฯดู แต่ตอนนี้ต้องโหวตให้เหมือนกัน 11คน

ต่อมาวันที่ 19 กรกฎาคม นายสุชาติ ได้อาสาเป็นตัวกลาง ให้ พลเอกอนุพงศ์ พูดคุยกับกลุ่มส.ส. พลังประชารัฐ เพื่อสยบกระแสคว่ำ แต่กลุ่ม ส.ส.ปากน้ำ ไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยด้วย จนในที่สุด 6 ส.ส.สมุทรปราการโหวตคว่ำทั้งพลเอกอนุพงษ์ และนายสุชาติ

ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ดีมีแต่เพียงการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น ความสัมพันธ์ของส.ส.ในพรรคยังต้องจับตาอย่างไม่กระพริบว่าจะทำให้พรรคแตกสลายหรือไม่ เพราะจากข้อมูลเบื้องลึก สาเหตุที่กลุ่ม 6 ส.ส.ปากน้ำ โหวตคว่ำพลเอกอนุพงษ์และนายสุชาติ ต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2562 ที่เกิดความความไม่ลงรอยในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 ที่มีการหักกลุ่มปากน้ำ เพราะเวลานั้นนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ วางตัวนายต่อศักดิ์ ลูกชายสมบูรณ์ อัศวเหม ซึ่งเป็นพี่ชายวัฒนา อัศวเหม พ่อของชนสวัสดิ์ ลงสมัครในเขตดังกล่าว แต่ “ไพลิน เทียนสุวรรณ” ลูกสาวผู้มากบารมีฝั่งพระสมุทรเจดีย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก เสธ.อ้น พลเอกกนิษฐ์ ชาญปรีชญา ส.ว. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ นายสุชาติ กลับช่วยผลักดันจนนางสาวไพลิน ได้ลงสมัครเขตนี้ในที่สุด และได้รับเลือกเป็น ส.ส.ในเวลาต่อมา ทำให้ “ต่อศักดิ์” ต้องหลีกไปลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับ 22 แทน และเพิ่งได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.เมื่อช่วงปลายปี 2564

อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในจังหวัดชลบุรี ระหว่าง นายสุชาติ และ สนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ก็อาจส่งผลต่อการโหวตของ 6 ส.ส.พลังประชารัฐ ที่อยู่ในกลุ่มนายชนม์สวัสดิ์ ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่านายชนม์สวัสดิ์ กับ เสี่ยแป๊ะ สนธยา มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังเป็นที่เปิดเผยด้วยว่า นายสุชาติได้ดึงคู่ต่อสู้ทางการเมืองในสมุทรปราการที่แข่งขันกับของนายชนมสวัสดิ์ ไปเป็นทีมงาน มีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จนสร้างความไม่พอใจให้นายชนม์สวัสดิ์เป็นอย่างมาก

ดังนั้น ปฏิบัติการ 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำ โหวตคว่ำสุชาติ จะเป็นการเอาคืนชนิดเปิดหน้าชน ไม่เกรงใจกันอีกต่อไปแล้ว และอาจลุกลามไปถึงศึกในพรรคเรื่องการวางผู้สมัคร ที่อาจบานปลาย ถึงขั้นยกพวกออกจากพรรค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ
‘โฆษก ทบ.’ แจง ‘เจ้ากรมยุทธฯ’ ทำร้ายทหาร เหลือสอบพยาน 2-3 ราย ทำได้แค่ตักเตือน ส่วนคดีอาญา เจ้าทุกข์ต้องดำเนินการ
"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น