มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 สรุปเบื้องต้นจะปรับอัตราค่าไฟฟ้าฝันแปรอัตโนมัติ (Ft) เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากเป็นต้นทุนที่แท้จริงตามราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น และเมื่อรวมกับค่า Ft งวดปัจจุบัน (พ.ค. –ส.ค. 2565) ที่เก็บอยู่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่า Ft โดยรวมในเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยเมื่อนำมารวมกับค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่าย อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565 ที่ประชาชนจ่าย 4 บาทต่อหน่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้(27 ก.ค.65) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) แจ้งว่า จะมีการแถลงข่าว “การพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565” “ในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ขณะที่ล่าสุด ในช่วงเช้าวันนี้(28 ก.ค.65) ได้มีการแจ้งเลื่อนการแถลงข่าวในวันดังกล่าว ออกไปก่อน และหากได้กำหนดการที่แน่นอน ทาง สำนักงาน กกพ. จะแจ้งสื่อมวลชนมวลอีกครั้ง
สำหรับ 3 แนวทางที่ กกพ. เปิดรับฟังความเห็นค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค. 2565 ระหว่างวันที่ 12-25 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา คือ
1. ค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ. ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี
2. ค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ช้าลง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 69,796 ล้านบาท โดย กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี
3. ยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท โดยคิดค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย
โดยกกพ. เลือกใช้แนวทางที่ 3 ซึ่งเป็นแนวทางที่ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางนี้ เป็นการสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงเท่านั้น จะยังไม่ชำระหนี้คืนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนส.ค. 65 จะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 109,672 ล้านบาท จากเดิมถึงสิ้นเม.ย.2565 กฟผ.มีภาระหนี้ที่แบกรับค่าไฟแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท ซึ่งทางกฟผ.ได้ทำหนังสือมายังกกพ. เพื่อเสนอความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยมองว่าเพื่อลดผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้า ทาง กฟผ.จะแบกรับแทนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน 109,672 ล้านบาท และจะนำไปบริหารจัดการเรียกเก็บภายในปี 2566 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพลังงาน มีนโยบายในการลดค่าไฟฟ้าต่อประชาชน โดยจะมีการนำเสนอของบประมาณภาครัฐมาสนับสนุนต่อไป เช่น อาจจะใช้นโยบายเช่นเดียวกับปัจจุบัน คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะเท่ากับงวดที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม กกพ. ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดก่อนหน้า มาเป็น 4.00 บาทต่อหน่วย โดยค่าเอฟทีงวดนี้ได้รับผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนงวดก่อนหน้านี้ เดือนมกราคม-เมษายน 2565 เรียกเก็บ ค่าเอฟที ในอัตรา 1.39 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย จากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-