ไปๆมาๆ ประเด็นเรื่องกฎหมายลูกเลือกตั้งดูจะกลายเป็นปัญหาชวนปวดหัวของรัฐบาลตอนนี้ที่สุด เพราะไม่รู้ว่าที่สุดผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเคาะสูตรไหนเอาอย่างไรกับตัวบทกฎหมายที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งก็เหลือไม่นานแล้ว นับจากไม่เกิน 8 เดือนก็จะครบวาระ 4 ปีการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 มี.ค.2566 แล้ว มองกันตามเกมส์หากพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่บริหารประเทศต่อไปในสมัย 3 ดูตามเงื่อนไขเวลาแล้วก็เหลือเวลาไม่กี่เดือนจริงๆที่จะต้องประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อไม่ให้บรรดาส.ส.ที่ต้องการย้ายพรรคไม่เดดล็อคเงื่อนไขเวลา 90 วันที่ต้องเป็นสมาชิกสังกัดพรรคการเมืองก่อนวันเลือกตั้ง
แต่จนแล้วจนรอดจนป่านนี้ 28 ก.ค. ผ่านมาหลายเดือนแล้ว กฎหมายลูกที่เป็นหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งคราวหน้าคือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ยังไปไม่ถึงไหน ล่าสุดยังติดขัดที่ปมปัญหาการคิดสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่าจะเอาสูตรไหนดีระหว่างหาร 500 หรือ หาร 100 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาซึ่งมีทั้งส.ส.และส.ว. ได้ลงมติ 2 ขยักในการตัดสินเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่ 6 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยมีมติไม่เห็นชอบ 392 ต่อ 160 งดออกเสียง 23 ไม่ลงคะแนน 2 จากองค์ประชุมทั้งสิ้น 577 คน คว่ำสูตรหาร 100 ที่กมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมากเสนอ ก่อนจะลงมติเห็นด้วยกับสูตรหาร 500 ที่หมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อยเสนอ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 354 ต่อ 162 งดออกเสียง 37 ไม่ลงคะแนนเสียง 4 จากจำนวนผู้ลงมติ 577 คน ที่สุดเรื่องน่าจะจบไปตามนั้น เพราะสูตรหาร 500 ชนะการลงมติแบบแบเบอร์
แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาอีกว่าการใช้สูตรหาร 500 ตามที่ประชุมใหญ่ลงมติอาจขัดรัฐธรรมนูญ เพราะยังมีใจความและสาระสำคัญยังไม่ครบ ล่าสุดกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อยจึงหาทางออกด้วยการขอไปเพิ่มรายละเอียดในมาตราอื่นๆ เพราะในมาตรา 23 ที่พูดเรื่องสูตรคำนวณพิจารณาไปจบแล้วไม่สามารถแก้ไขได้อีก เพื่อให้สูตรหาร 500 มีความสมบูรณ์และไม่ถูกแย้งว่าขัดรัฐธรรมนูญ ที่กว่าจะไปตกลงวิธีการและขั้นตอนการแก้ไขกันได้ก็ทำเอาสภาวุ่นวายกันไปหมด ถึงขั้นที่ “เสี่ยตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณะสุข ในฐานะประธานกมธ.วิสามมัญฯ ต้องถอนกฎหมายออกจากการพิจารณาของที่ประชุมร่วมไปเมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาเพื่อให้กมธ.วิสามัญฯไปนัดประชุมวางแนวทางให้เป็นไปตามสูตรหาร 500 ตามมติของที่ประชุมใหญ่ก่อนหน้านี้ ก่อนเสนอกลับมาให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาในประเด็นนี้ และมาตราที่เหลือตั้งแต่มาตรา 24 ถึง มาตรา 32 ต่อไป ล่าสุดที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ ได้ข้อยุติด้วยการเพิ่มเนื้อหาในมาตรา 24/1 และ มาตรา 26 เพื่อให้กฎหมายถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และได้ส่งเรื่องให้รัฐสภาดำเนินการบรรจุวาระเพื่อแก้ไขกฎหมายลูกในมาตราที่เหลือต่อไปโดยไม่ช้า
อย่างไรก็ตามในขณะที่สภากำลังตาลีตาเหลือกกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กลับลำมาใช้สูตรหาร 500 เพื่อให้ทันตามกำหนด ปรากฎว่าที่ทำเนียบรัฐบาลดันเกิดกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตรเรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและแกนนำหารือเรื่องกฎหมายลูกว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไรจะเอายังไงกันดี โดยบรรดาแกนนำพรรคร่มรัฐบาลทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ต่างสะท้อนความเห็นแสดงความกังวลการใช้สูตรหาร 500 ที่แม้จะมีจุดเด่นจุดแข็งที่สามารถทำลายโอกาสแลนด์สไลด์ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณไปได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็มีผลกระทบทำให้พรรคที่มีส.ส.เขตมาก จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลงตามไปด้วยหรือไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว ตรงนี้ก็ทำให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและแกนนำพรรคหลายคนแสดงความกังวลเป็นอย่างมาก และทำไปทำมาโอกาสที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน จะถูกกระจายไปให้พรรคการเมืองต่างๆจะมีมากขึ้น ตรงนี้อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลในอนาคตมีมาก รวมถึงมีพรรคเล็กๆหลายพรรคที่ทำให้รัฐบาลขาดเอกภาพและมีปัญหากับพรรคเล็กเหมือนปัจจุบันอีก
หลายคนจึงมีความเห็นว่าเป็นไปได้หากกลับไปใช้สูตรหาร 100 ตามเดิม แม้จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสแลนด์สไลด์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะพรรคเพื่อไทยก็มีพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงเดียวกันมาตัดแต้มแย่งคะแนนเสียงกันเอง อย่างพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย รวมถึงยังมีพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรคสร้างอนาคตไทย ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแบบกวาดเรียบได้ อย่างไรก็ตามปัญหาของการกลับไปใช้สูตรหาร 100 ก็ติดขัดตรงที่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาผ่านสูตรหาร 500 มาแล้ว และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการแก้ไขรายละเอียดให้สูตรหาร 500 เข้าไปอยู่ในกฎหมายลูกโดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นการจะกลับไปใช้สูตรหาร 100 ได้จริงตามความต้องการของทุกฝ่าย จึงต้องเริ่มต้นด้วยการล้มสูตรหาร 500 คว่ำแนวคิดอันนี้ซึ่งที่ประชุมใหญ่เพิ่งลงมติเห็นชอบเมื่อ 6 ก.ค.ที่ผ่านมาให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้นคงเหลือวิธีการที่ทำได้ดังนี้ ประการแรกคือการคว่ำกฎหมายลูกสูตรหาร 500 ในการพิจารณาวาระ 3 โดยใช้เสียงส.ส.และส.ว.ในมือรัฐบาล ประการที่สองปล่อยให้กฎหมายลูกพิจารณายืดเยื้อไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 ส.ค.นี้ และจะทำให้กฎหมายนี้ตกไป หรือประการที่สาม รอให้มีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญและไปตีตกในชั้นนั้น อย่างไรก็ตามดูทรงแล้วการใช้แนวทางที่ 1 กับแนวทางที่ 3 ต้องใช้เวลานานเพราะต้องรอให้กฎหมายลูกแล้วเสร็จก่อนถึงจะคว่ำในวาระ 3 ได้ ครั้นจะรอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความก็ยิ่งนานเข้าไปใหญ่ ความเป็นไปได้ล่าสุดก็คือการปล่อยให้กฎหมายหมดอายุแก้ไขไม่ได้ใน 180 วันและตกไป ที่ดูจะเป็น “ทางพิเศษ” ที่ง่ายและเร็วที่สุดในการล้มสูตรหาร 500
จับตารัฐบาลจะไปต่อเรื่องนี้อย่างไร สภาจะแก้เกมส์ล้มหาร 500 กลับมาหาร 100 ได้หรือไม่ หลังมีแนวโน้มสูงยิ่งในตอนนี้ว่าทุกพรรคส่ายหัวสูตรหาร 500 และอยากกลับไปเอาหาร 100 หมด วานนี้มีการประชุมร่วมรัฐสภา ช่วงบ่ายมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. …. ซึ่งกมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมและพยายามขอให้ยุติการประชุม แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงและฝ่ายค้านพร้อมร่วมประชุมต่อไป จากนั้นที่ประชุมก็ได้ประชุมกฎหมายดังกล่าว แต่หลังลงมติมาตราแรกผ่านพ้นไป ส.ส.ฝ่ายค้านก็เล่นแง่เดินทยอยเดินออกจากห้องประชุมทำให้องค์ประชุมไม่ครบตอนลงมติ มาตรา 2 จนพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องขอยุติการประชุมในเวลา 15.45 น. และ ร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ….ก็ยังค้างเติ่งอยู่ใน มาตรา 2 แถมกฎหมายนี้ยังมีหลายมาตราและมีคนลงชื่อแปรญัตติจำนวนมาก งานนี้เลยไม่รู้ว่าสภารู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ นายชวนหรือนายชวลิตไปเออออห่อหมกกับเรื่องคว่ำสูตรหาร 500 ป่าว ถึงยอมให้มีการพิจารณากฎหมายฉบับนี้คาไว้ในสภา หวังขวางทางการพิจารณากฎหมายลูกเพื่อให้ตกไป อย่าลืมว่าสมัยประชุมนี้จะปิดในวันที่ 22 ก.ย. 2565 เพราะฉะนั้นคงเหลือเวลาไม่มากแล้วที่จะพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง หากฝ่ายค้านวางเกมส์เอาร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ….. มาคาไว้ และถ่วงเวลาด้วยการลากยาวแปรญัตติมากๆ เชื่อว่าการพิจารณากฎหมายลูกจะไม่ทัน 15 ส.ค.นี้แน่นอน
งานนี้ไม่รู้มีทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดหรือป่าว แต่ล่าสุดสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.หนึ่งในกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อย ออกมาดักคอเรื่องนี้แล้ว โดยโพสต์เฟซบุ๊ค ความว่า “กลเกมแห่งสภา” พร้อมเขียนเนื้อหาระบุว่า 15 ส.ค. 2565 จะเป็นวันครบ 180 วัน ที่กฎหมายลูก จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา หากพ้นกำหนด ไม่สามารถผ่านวาระ 3 ได้ในวันดังกล่าว ต้องกลับไปใช้ หาร 100 ฉบับ ครม. รัฐสภามีวันประชุมร่วม เหลือ 4 วัน คือ 2 – 3 และ 9- 10 ส.ค. เพื่อพิจารณาวาระ 2 รายมาตราต่อ ตั้งแต่ มาตรา 24/1 ถึง มาตรา 32 รวม 9 มาตรา โดยมีมาตราสำคัญ คือ 24/1 การคำนวณ ส.ส.บัญชี แบบหาร 500 กรณีเลือกตั้งไม่เสร็จ และ มาตรา 26 การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรณีเลือกตั้ง ส.ส.เขตใหม่ด้วยเหตุทุจริตเลือกตั้งภายใน 1 ปี “ วาระการประชุม 2-3 ส.ค. 2565 กฎหมายลูกเป็นวาระที่ 3 โดยมี 2 วาระก่อนหน้า คือ 1.ร่าง พ.ร.บ. ปรับเป็นพินัย และ 2.ร่าง พ.ร.บ. กำหนดเวลาในกระบวนการยุติธรรม จากนั้นจึงตามด้วย 3. ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. ถ้าไม่เลื่อนกฎหมายลูกเข้ามาแทน และกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ลากยาวกัน 4 วันแล้วไม่จบ ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. ก็จบแบบเรียบร้อยโรงเรียนประยุทธ์ กลับไปหาร 100 โดยไม่เหนื่อย แต่สภาจะเสียศักดิ์ศรีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ไม่สามารถพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จภายใน 180 วันตามเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญ” สมชัยไขกลเกมส์ในสภา
ถามว่าแต่ปล่อยให้เกิดเรื่องตามนี้สูตรหาร 500 จะตกไปเลยแน่นอน แต่สูตรใหม่ที่จะได้มาแทนคือสูตรหาร 100 แบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ที่จะเข้าทางตีนพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณแบบเต็มๆ เพราะที่ประกาศแลนด์สไลด์อยากกลับเมืองไทยเต็มแก่ เพราะทักษิณมั่นใจสูตรนี้มาก ถามว่าพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรอยากได้สูตรหาร 100 ใช่หรือไม่ ตอนนี้ตอบว่าใช่ แต่ไม่ได้ต้องการสูตรหาร 100 แบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่ทักษิณถวิลเพื่อไทยถามหา วันนี้เป้าหมาย 3 ป. ดูเหมือนไม่ได้อยากไปแค่หาร 100 แต่ถึงขั้นอยากกลับไปใช้ “ใบเดียว แบบเดิม” เหมือนการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 บัตรเลือกตั้งใบเดียวทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ คิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมี ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ ถามว่าด้วยอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรล้นฟ้าขนาดนี้ คุมรัฐบาลจัดการสภาสูงได้อยู่หมัดเรื่องแค่นี้สบายมาก แต่สิ่งที่ต้องคิดคือศรัทธาของประชาชนที่มีถึงตัวท่านและรัฐบาลจะร่อยหรอลงไปขนาดไหน ถ้าท่านกลับไปกลับมาเรื่องสำคัญแบบนี้เหมือนเล่นขายของ เอาเรื่องการเลือกตั้งของประเทศไปปู้ยี่ปู้ย้ำตามความต้องการของฝ่ายตัวเอง เปลี่ยนสูตรกลับลำไม่เว้นแต่ละวันเหมือนเด็กๆ ทำไมไม่คุยกันให้จบ ถกกันให้รอบครอบว่าจะเอาสูตรไหน หารแบบใด ชาวบ้านมีเรื่องเดือดร้อนรอรัฐบาลไปแก้ไขปัญหาอีกมาก คนไทยรอสภาผ่านกฎหมายสำคัญเพื่อปากท้องอีกพะเรอเกวียน อย่าเอาเวลามาสนองตัณหาของฝ่ายตัวเองเพื่อวางกติกาสืบทอดอำนาจแบบนี้เลย มันทุเรศเกินไป
////////////////////