“ดร.วสันต์” เชื่อไทยเอาอยู่ คุม “โรคฝีดาษลิง” ได้ ไม่ถึงขั้นวิกฤตแบบโควิด

“ดร.วสันต์” เชื่อไทยเอาอยู่ คุม “โรคฝีดาษลิง” ได้ ไม่ถึงขั้นวิกฤตแบบโควิด

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว “Top News” ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคฝีดาษวานรในประเทศไทยว่า โรคฝีดาษวานรก่อนที่จะระบาดไปทั่วโลกนั้น เป็นเพียงโรคประจำถิ่นในเเอฟฟริกาตะวันตกและแอฟฟริกากลาง เดิมทีเป็นโรคระหว่างสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเท่านั้นจากนั้นแพร่ระบาดมาสู่คน จากการที่เราฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษทำให้โรคนี้หมดไป แต่เมื่อเราถอนวัคซีนออก ทำให้มีการแพร่ระบาดโรคฝีดาษวานรแบบปละปลาย จากนั้นเริ่มมีการแพร่ระบาดมาในยุโรปและเอเชียบ้าง และมาระบาดหนักในปีนี้ เดิมทีเราคิดว่าจะควบคุมโรคนี้ได้ ไม่คิดว่าจะมีการระบาดอีกในเวลาต่อมา เมื่อมีการระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนนี้ในกลุ่มชายรักชาย เพราะจาก 100 คนที่ติดเชื้อพบว่า 99% เป็นชาย และ 95% เป็นชายรักชาย แต่จากประวัติในแอฟริกาคนที่ติดเชื้อโรคนี้จะเป็นสตรีและเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นกามโรค เพราะไม่ได้ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังร้ายแรงประเภทหนึ่งที่จะติดต่อด้วยการเนื้อแนบเนื้อแบบแนบชิด อาจจะมีบาดแผลหรือไม่มีบาดแผลก็ได้ ดังนั้นไม่ใช่โรคของกลุ่มชายรักชาย หรือเกย์ แต่เพียงในไทยมีการแพร่ระบาดของคนในกลุ่มนี้ หากไปตีวงแบบนั้นจะกลายเป็นบาดแผลทางสังคม ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในไทยตอนนี้ถือว่าการแพร่ระบาดยังควบคุมได้ง่าย หากเทียบกับโควิด-19 ที่เรายังสามารถตีกรอบการแพร่บาดได้ในกลุ่มชายรักชายในไทย หากได้รับความร่วมมือ การสืบสวนสอบสวนของโรคเราก็จะรู้ว่าคนกลุ่มนี้ไปที่ไหนและมีกิจกรรมอย่างไร น่าจะควบคุมได้ง่ายกว่า และคิดว่าไม่ถึงขั้นวิกฤตแบบโควิด-19 เพราะการแพร่ระบาดช้ากว่า ไม่ได้รวดเร็วรุนแรง โดยระยะฟักตัวของโรคใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทำให้ระยะเวลากักตัวนานกว่า เพราะฉะนั้นหากรัฐอยากได้รับความร่วมมือ เราอาจจะต้องมีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจน เช่นหากใครติดอย่ากังวล เพราะรัฐจะดูแล มีการเยียวยา 1 เดือน เนื่องจากการไม่ได้ทำงาน 1 เดือนหรือกักตัวเอง 1 เดือน ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเยอะ ยกเว้นภาครัฐจะสนับสนุบการเยียวยาตรงนี้เพื่อทำให้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม อีกทั้งจะเห็นชัดว่าการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร ไม่น่ากลัวเท่าโรคโควิด-19 แต่กรณีแรกที่เราเจอเป็นชาวไนจีเรียมีการไล่ล่าลักษณะเหมือนอาชญากร ทำให้สถานการณ์แย่ลง ดังนั้นทุกคนต้องถือว่าผู้ติดเชื้อเป็นผู้ป่วยประเภทหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ทำผิดหรือเป็นฆาตกร จะทำให้คนที่มีความเสี่ยงจะยิ่งหลบไปอีก

ข่าวที่น่าสนใจ

“สำหรับประชาชนในการป้องกัน โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชายช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดในกลุ่มนี้นั้น ช่วงนี้การมีเพศสัมพันธ์ขอให้ระมัดระวัง อย่ามีคู่มาก แต่ในสังคมไทยกลุ่มชายรักชายจะเป็นกลุ่ม safe sexมีการป้องกันเป็นอย่างดี เนื่องจากระยะหลังมีข้อมูลว่าอาจติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ หรืออาการมีไม่มาก เช่นไม่มีตุ่มแผลประมาณ 1% ให้เราสังเกตเห็น ดังนั้นการสวมใส่ถุงยางอนามัยยังมีความสำคัญ แต่โชคดีที่โรคนี้เมื่อเป็นแล้วหายได้ ภายใน 1 เดือน โดยไม่กลับมาเป็นอีก ไม่เหมือนโรคเริมที่กลับมาเป็นได้อีก หรือโรคเอชไอวีที่เป็นโรคเรื้อรัง ดังนั้นการควบคุมการแพร่ระบาดจะทำได้ง่าย” ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าว

เมื่อถามถึงวัคซีนหรือยาในการป้องกันระงับยับยั้งโรค ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า ตอนนี้มีทั้งยาต้านไวรัสที่ตอนนี้เริ่มเข้ามาในไทยแล้ว และมีวัคซีน แต่ตอนนี้ต้องรอการแบ่งสรรจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งทั้งสองแบบผ่านอย.ของหลายประเทศมาแล้ว รอเพียงการผลิตล็อตใหญ่เท่านั้น

เมื่อถามว่าขณะนี้ประเทศโดยรอบไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ไทยจำเป็นต้องล็อคดาวน์หรือไม่ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า ด้วยจำนวนคนที่ติดเชื้อยังไม่มากมาย และการติดเชื้อติดได้ยากกว่าโควิด -19 มาก หากเรารู้และตระหนักการระบาดแล้วว่าเป็นโรคทางผิวหนังที่ติดต่อกันรุนแรงและรวดเร็วด้วยการสัมผัสของเยื้อบุผิวหนังตามโพรงจมูก ช่องคลอง ทวารหนัก ช่องปาก จะเกิดการติดเชื้อทางนี้ หากผิวหนังมีบาดแผลก็จะติดได้ สำหรับอาการตอนนี้คือจะเป็นไข้หวัด คือปวดหัว ตัวร้อน ปวดกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ และมีการบวมของต่อมต่างๆ ส่วนการรรักษาคิดว่าทางรัฐบาลได้เตรียมการไว้แล้ว โดยเฉพาะกรมการแพทย์ได้เขียนแม่บทการดูแลรักษาผู้ที่ติดเชื้อให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เป็นแนวทางปฏิบัติ และคิดว่าแพทย์ พยายามได้เตรียมตัวแล้วที่สามารถตรวจแล้วรู้ผลทันทีว่าติดเชื้อฝีดาษวานรสายพันธุ์ไหน ซึ่งประเทศไทยยังคงเป็นสายพันธุ์ A.2 (เอจุดสอง) ส่วนยุโรปเป็นสายพันธุ์ B.1 (บีจุดหนึ่ง) สำหรับผู้ติดเชื้อสองรายที่พบในไทยคาดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ A.2

เมื่อถามว่า มาตรการตั้งรับของไทยในโรคนี้ คิดว่าเอาอยู่หรือไม่ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเอาอยู่ เพราะเรามีกรมควบคุมโรคและอสม. ลงไปในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาเราเคยชนะหลายโรค ทั้งโรคเอชไอวี โรคโปลิโอ และโควิด-19 ดังนั้นโรคฝีดาษวานรตนคิดว่าการควบคุมจะทำได้ง่ายกว่าโควิด-19 แต่เราต้องเข้าใจว่าตอนนี้กลุ่มไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด และเราต้องเข้าไปดูแลกลุ่มนั้นก่อน ดังนั้นยังไม่มีความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องตื่นตระหนก แต่ขอให้ตระหนัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แองเจิล หยิน หวดสถิติใหม่ 28 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จีโน่-อาฒยา ดีสุดของไทยได้อันดับ 3  แพตตี้-ปภังกร โม-โมรียา อันดับ 4 ร่วม
"พุทธิพงษ์" หนุน "บ้านเพื่อคนไทย" ชี้ควรทำอย่างโปร่งใส กระจายโอกาสถึงผู้มีรายได้น้อยให้ครบทุกภูมิภาค
"อดีตสว.สมชาย" เผย "ท็อปนิวส์" ละเอียดยิบ ขบวนการทุจริต "ฮั้วเลือกสว." ลั่น "ดีเอสไอ" ต้องรับเป็นคดีพิเศษ
"ไทย-กัมพูชา" บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมืองปอยเปต พบคนไทยกว่า 100 คน เตรียมส่งกลับประเทศพรุ่งนี้
"จุฬาราชมนตรี" แถลงเตรียมจัดงาน "เมาลิดกลาง แห่งประเทศไทย" ครั้งที่ 59 เริ่ม 18- 20 เม.ย.นี้
จนท.รวบ "หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย" หอบเงิน 15.7 ล้าน เข้าไทย อ้างเล่นพนันได้จากฝั่งปอยเปต
โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น