เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 65 พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวชี้แจงถึงผลกระทบกรณีการเลื่อนโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน หลังจาก กมธ.แจงตัดงบประมาณจัดซื้อ “F-35 A” ว่าปัจจุบันกองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่โจมตี จํานวน 5 ฝูงบิน แต่เนื่องจากข้อจํากัดด้านอายุของอากาศยานมีผลต่อขีดความสามารถของอากาศยานที่ลดลง ข้อจํากัดการส่งกําลังและซ่อมบํารุงที่มีราคาสูงขึ้น รวมทั้งมีระยะเวลาในการจัดหาพัสดุอะไหล่ที่ยาวนาน เพราะบางบริษัทปิดสายการผลิตพัสดุอะไหล่ ส่งผลให้กองทัพอากาศมีความจําเป็นที่จะต้องทยอยปลดประจําการอากาศยานประเภทเครื่องบินขับไล่โจมตีจาก 5 ฝูงบิน จนเหลือ 2 ฝูงบินในปี 2575 โดยกองทัพอากาศได้วางแผนดําเนินการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี จํานวน 1 ฝูงบิน เพื่อมาทดแทน 3 ฝูงบินที่ได้วางแผนทยอยปลดประจําการ เพื่อให้สามารถดํารงขีดความสามารถในการปฏิบัติการบินรบในอากาศ และการโจมตีทางอากาศต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 40 ปี
พล.อ.ต.ประภาส กล่าวต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีการขยายอิทธิพลจากชาติมหาอํานาจสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น รวมถึงปัญหาการเมือง และความมั่นคงภายในแต่ละประเทศ ทําให้หลายประเทศในภูมิภาคสะสมกําลังทางทหาร โดยเฉพาะกําลังทางอากาศ อาทิ เมียนมา มาเลเซีย และเวียดนามมีการจัดหาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง เช่น เครื่องบินแบบ Su-27 และ Su-30 ซึ่งอันดับของกําลังทางอากาศของไทยในปัจจุบับอยู่ในอันดับที่ 5 ในอาเซียนจําเป็นต้องจัดเตรียมกําลังให้มีขีดความสามารถและศักยภาพกําลังรบทัดเทียมกับประเทศรอบบ้าน เพื่อเป็นการป้องปรามและเตรียมพร้อมรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนสมรรถนะสูงยุคที่ 5 คือ เครื่องบิน F-35 ซึ่งราคาปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2019
พล.อ.ต.ประภาส กล่าวอีกว่า โดยคาดการณ์ราคา Lot 14 อยู่ที่เครื่องละ 77.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 12.8 % จาก Lot 11 และมีส่งมอบ ครื่องบิน F-35 แล้ว มากกว่า 820 เครื่อง ทําการบินไปแล้ว รวมทั้งสิ้นกว่า 540,000 ชม.บิน จํานวนนักบินที่ได้รับการฝึกตาม โครงการแล้วมากกว่า1,695 คน และเจ้าหน้าที่กว่า 12,520 คน ปฏิบัติภารกิจแล้วใน 9 ประเทศ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงในการปฏิบัติการ ในปัจจุบันยังลดลงถึง 50% นับจากปี ค.ศ.2015
“กองทัพอากาศได้วางแผนจัดหาในปริมาณที่ลดลง แต่มีประสิทธิภาพปฏิบัติภารกิจที่สูงขึ้น เพื่อให้มีขีดความสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ทุกรูปแบบ สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เครื่องบินแบบ F-35 A มีขีดความสามารถและคุณสมบัติตรงตามความต้องการ สามารถ ติดตั้งใช้งานระบบอาวุธที่ทันสมัย มีความแม่นยําสูง ซึ่งกองทัพอากาศจะได้พิจารณาจัดหาเข้าประจําการตามกรอบงบประมาณ ที่เอื้ออํานวยต่อไป โดยจากข้อมูล Defense Security Cooperation Agency (DSCA) ซึ่งเสนอข้อมูลประเทศที่ร่วมผลิตและสั่งซื้อเครื่องบิน F-35 มีประเทศที่ร่วมในการสั่งซื้อเครื่องบิน F-35 รวม 20 ประเทศ ยอดรวมการสั่งซื้อกว่า 3,400 เครื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเครื่องบินลดลง และค่าอะไหล่และการซ่อมบํารุงลดลง” พล.อ.ต.ประภาส กล่าว