เรื่องที่ KT เป็นหนี้เรื่องค่าจ้างเดินรถ จะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนข้อกฎหมาย
“อยากจะอธิบายอีกครั้ง หนี้สินของกรุงเทพธนาคม ที่เป็นหนี้ค้างจ่ายกับทาง BTSC ตอนนี้คงจะเกิน 4 หมื่นล้านบาทไปแล้ว แต่ตอนนี้อยากให้แยกออก โดยใน 4 หมื่นล้านบาท มี 2 หมื่นล้านบาท เป็นค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) ซึ่งเป็นการว่าจ้าง แต่ว่า บีทีเอส อาจจะอวดดีไปหน่อย หรือว่า ใจดีไปหน่อย คือคิดว่า ทำเสร็จค่อยเก็บเงิน ก็ควรจะแยกให้เรียบร้อย โดยข้อเท็จจริงอันนั้นควรจะจ่ายได้แล้ว ถ้าผู้รับเหมาคนไหน ทำงานเสร็จแล้วไม่ได้เงิน เขาคงดิ้นมากกว่าผมอีก ผมไม่เห็นทำไร พูดมากก็เดี๋ยวก็หาว่าไปเถียงกัน
แต่เราแยกให้เรียบร้อย 2 หมื่นล้านบาท เป็นค่าจ้างติดตั้งระบบ ซึ่งใช้งานมา 2-3 ปี อีกก้อนคือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยรวมดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน คือ เรื่องค่าจ้างเดินรถและบำรุงรักษา (O&M) ซึ่งในสัญญาซึ่งทำกันมาเกือบ 10 ปี เป็นสัญญาที่คล้ายๆ ที่มีการจ้าง O&M ในตลาด และผมยังมั่นใจว่า ราคาของเราเป็นราคาที่ถูกกว่า เพราะเรารวมถึงการลงทุนรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า ลงทุนทุกๆ อย่าง แต่ว่าในตลาดรู้สึกเหมือนจะเเบ่งเป็น ค่ารถส่วนค่ารถ เดินรถส่วนเดินรถ มีค่าอะไรต่อค่าอะไรต่างๆ จึงมองเหมือนน้อยกว่า”
“เอาง่ายๆ แม้กระทั่ง รปภ. เราก็ต้องออกเอง แต่ว่า ว่าจ้างส่วนว่าจ้างไม่ได้รวม คือต้องให้ความเป็นธรรม สำหรับบีทีเอสซี ค่าระบบ O&M ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ปฏิบัติอย่างไร ให้เป็นที่พึงพอใจของผู้โดยสารที่ใช้บริการ ผมกล้าพูดดังๆ ถ้าผู้โดยสารไม่พึงพอใจ บริษัท บีทีเอส คงไม่สามารถที่จะชนะรางวัลที่ได้มาจากระดับโลกระดับสากล DJSI มาถึง 5 ปี และสองปีหลังเป็นที่ 1 เป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลระดับโลกสากล ซึ่งหากเราไม่ดีพอคงไม่ได้รางวัล และ ไม่ใช่ว่าได้อยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุด แต่เราชนะเลิศ มา 2 ปีซ้อน และปีนี้จะอาจจะได้ที่ 1 ในหมวดคมนาคม เราชนะทุกประเทศ ไม่ว่าประเทศเจริญแล้วหรือเก่งแล้ว คนไทยไม่เท่าไหร่หรอก แต่ชนะเลิศ ได้รางวัลระดับโลก เป็นเบอร์ 1 ของโลก เป็นหน้าตาของเรามั้ย” นายคีรี กล่าว
ภาระหนี้ ทาง KT ได้เจรจาเพื่อจ่ายหนี้คืนบ้างหรือไม่ และความคืบหน้าเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้อง
“ทุกท่านก็ทราบครั้งที่แล้ว เคทีได้เชิญเรา ซึ่งตัวแทนเราคือ คุณสุรพงษ์ (เลาหะอัญญา) ไม่ใช่เจรจานะ แต่ไปแลกเปลี่ยนข้อมูลมาเพื่อพัฒนา หรือพยายามทำให้ปัญหาต่างๆ ที่มี ให้เข้าใจและจบลง ผมเคยพูดว่า เราอาจจะต้องให้เวลา ทางทีมกทม.ใหม่ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งแค่ 2-3 เดือน ต้องให้เค้าศึกษา มันเป็นความรอบคอบของท่านผู้ว่าฯ ที่มีความรอบคอบในการดูว่า มันผิดหรือถูก แต่ผมเข้าใจว่า ท่านมีทีมงานที่ดีและได้ดูละเอียดแล้ว คงไม่มีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง ป่านนี้ คงเรียกผมไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่เรียกผมไป แปลว่าไม่มีอะไร”
แนวทางการใช้หนี้กทม. ขณะนี้ไม่มีจ่ายให้ ทำให้ปชช. กังวลว่าจะหยุดให้บริการ ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่หยุดให้บริการ
นายคีรี กล่าวว่า “แน่ใจว่า ประชาชนเป็นห่วงว่า กลัวจะไม่เดินรถ ผมว่าประชาชนไม่ห่วงว่าจะไม่เดินรถ เพราะตื่นเช้ามาก็จ่ายตังก็เดินทาง เราต่างหากที่ห่วงว่าจะจ่ายตังมั้ยเนี่ย ก็ขอยืนยัน ที่เคยยืนยันไปแล้ว ผมเชื่อว่า ถ้าเราหยุดรถด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ที่จะกระทบกับประชาชน ผู้โดยสาร หน่วยงานต่างๆก็ขอให้เพียงให้ใช้เวลาเร็วขึ้นมาอีกนิด เข้ามาดูความถูกต้อง แต่ไม่ควรล่าช้า ควรที่จะสรุปและจบ
เพราะไม่อย่างนั้น เอกชนที่มาลงทุนโครงการต่างๆ ก็คงจะขาดความมั่นใจ และคนไทยเองขาดความมั่นใจ ในปัญหา และตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติมองว่ามันเเปลกๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องดี ไม่ว่าจะเป็น นักเศรษฐกิจ อาจารย์ นักวิชาการ จะมองอย่างไร ว่าเศรษฐกิจ อนาคตจะลำบาก”
“สิ่งนี้รัฐบาลจะต้องห่วงให้มาก อย่าให้ภาพพจน์ของประเทศไทยเสียไป กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ใช้เวลาดูเรื่องนี้มา 3 ปี บริษัท บีทีเอส ก็ยังเดินรถอยู่ คำตอบคือ ผมไม่คิดว่า เราจะต้องหยุดรถ หยุดรถเพื่ออะไร หยุดรถเพื่อให้ประชาชนลำบาก หยุดรถเพื่อให้รัฐบาลเข้าใจขึ้น”
“ผมว่ารัฐบาลเข้าใจหมด เพียงแต่อาจจะมีบางคน ที่ทำเป็นไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ ก็ว่ากันไป แต่ถ้าวันหนึ่ง มันก็มีแต่เหมือนกัน ถ้าวันหนึ่ง บริษัทมันเดินไม่ได้ แม้บริษัทแม่จะศักยภาพดีมาก แต่บริษัทที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ เป็นบริษัทลูก บีทีเอสซี มันไม่สามารถจะดูแล และใส่เงินเข้าไปตลอดเวลาให้แก่บีทีเอสซี ออกเงินแทนรัฐบาล ออกเงินแทนคู่สัญญา ไม่ถูกต้องเลย เราไม่ใช่แบงก์นะแม้ว่าคุณเอาดอกเบี้ยอะไรมาเติมเข้าไป มันไม่ใช่จุดประสงค์ของเราที่อยากจะเห็น เราอยากเห็นความถูกต้อง ความยุติธรรม ซึ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ค่อนข้างออกไปในด้านของอะไรบางอย่างที่ผมไม่สามารถพูดได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ถูกต้องแน่นอน”