"โมลนูพิราเวียร์" สธ.แจงด่วน หลักเกณฑ์ในการจ่ายยา ชี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ตามเคส พร้อมเตือน มีผลข้างเคียงกลายพันธุ์ในสัตว์
ข่าวที่น่าสนใจ
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยถึงกรณีกลุ่ม 608 ไม่ได้รับการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์ แต่ได้ฟาวิพิราเวียร์แทน ชี้ ถ้าผู้ติดเชื้อมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง (
- ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี
- มีโรคร่วม
- ไม่ได้รับเข็มกระตุ้น
โดยไม่ต้องมีโรคร่วม เข้าเกณฑ์รับยาโมล นูพิราเวียร์แล้ว ซึ่งการจ่ายยาจะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ ที่มีความใกล้ชิดผู้ป่วยมากที่สุด ซึ่งพิจารณาจะเป็นไปตามเคสบายเคส พร้อมย้ำว่า ยาที่องค์การเภสัชกรรม นำเข้ามามีเพียงพอ
ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์และโมล นูพิราเวียร์ เป็นยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน จึงต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และติดตามผลอาการข้างเคียง เนื่องจาก ยาเพิ่งผ่านการทดลองมาไม่ถึงปี ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ มอบให้ในสตรีตั้งครรภ์และเด็กที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง เนื่องจาก งานวิจัยศิริราชชี้ว่า สามารถลดอาการป่วยได้ แต่ไม่ได้ลดปริมาณไวรัส
ส่วนหลักเกณฑ์ในการรักษาทั้งหมด ผ่านการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และบริหารไปด้วยกัน พร้อมยืนยันว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่สธ.พูดไปเป็นความจริง ส่วนการตัดสินใจของอินฟลูเอนเซอร์ ทางการจะไม่ไปก้าวล่วง พร้อมยินดีรับฟัง
นอกจากนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจ่ายยาต้านไวรัสในการรักษาผู้ป่วยโควิด ต้องจ่ายให้ถูกโรค ถูกคน และถูกเวลา และต้องใช้อย่างเหมาะสม ยาโมล นูพิราเวียร์ มีผลข้างเคียงเรื่องการกลายพันธุ์ในสัตว์ทดลอง ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ยาตัวนี้จึงไม่มีการจ่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น การจ่ายยาต้องสมเหตุสมผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-