เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ… ที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จใ นวาระที่สอง จำนวน 12 มาตรา ทั้งนี้พบว่าการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากมีการอภิปรายจากสมาชิกรัฐสภา รวมถึงกรรมาธิการที่สงวนคำแปรญัตติไว้ทุกมาตรา และพบว่ายังมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมที่ทำให้ต้องใช้เวลารอองค์ประชุมครบจำนวน คือ เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ที่มี 727 คน คือ 364 คน เป็นเวลานาน
ทั้งนี้ที่ประชุมใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่ผ่านไปได้เพียง 5 มาตรา และยังเจอปัญหาเรื่องรอองค์ประชุม จนทำให้นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลลุกสอบถามนายชวนว่า เมื่อปี 2512 ต้องใช้เวลารอองค์ประชุมนานแบบปัจจุบันหรือไม่ โดยนายชวน กล่าวว่า ตอนนั้นมีสมาชิก 219 คน ประชุมที่ตึกอนันตสมมาคม การลงมติคือ ยกมือ ในห้องมีเจ้าหน้าที่นับจำนวน ไม่มีการกดบัตร ส่วนการอภิปรายต้องยกมือ แล้วเดินออกไปที่ไมโครโฟน ไม่ได้สะดวกแบบนี้ สมัยนั้นมีส.ส.น้อย ที่นั่งจำกัด ทั้งหมดอยู่ที่พวกเรา ตนชื่นชมอย่างน้อยเสียงข้างมาก จะเกิน 2-3 คน แต่แสดงให้เห็นความรับผิดชอบของคนส่วนใหญ่ที่ดีอยู่ เราทำหน้ที่หน้าที่ 3 ปี กว่า สถาบันนี้ มีส่วนประคับประคองให้กระบวนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยไปได้ โดยสภานี้ทำหน้าที่ของตนเอง
“ผมชื่นชมพวกเราทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีเท่าที่ทำได้ ข้อที่ไม่ควรละเลย คือ หน้าที่ ที่ต้องประชุมและลงมติ ผมไม่หวังว่า จะได้100 ทั้ง100 แต่เกินกึ่งหนึ่ง 2 คน หรือ 5คน ก็ชื่นชม ที่บางคนให้ประกาศชื่อคนกดบัตรแสดงตนนั้น ผมขอบอกว่าไม่มีความลับ มีเอกสารในสภา ที่ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะมีประสบการณ์ คือ ชื่อของเราจะปรากฎตอนหาเสียงเขตเลือกตั้ง ที่คู่ต่อสู้เอาไปประจารณ์ ความไม่รับผิดชอบไม่เข้าประชุม ผมเตือนด้วยความหวังดี ให้ระวัง วันนี้ไม่เกิด วันหน้าเกิด ประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสทธิเปิดเผยข้อมูล ทั้งคำพูดและการลงมติในสภา ไม่เป็นความลับ” นายชวน กล่าว
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. ในฐานะประธานกมธ.ฯ ลุกหารือว่า ขอให้สมาชิกร่วมพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วง และผ่านกฎหมายดังกล่าวให้ได้ ตนกังวลเห็นบรรยากาศลงมติใช้เวลานาน เพื่อรอองค์ประชุม ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีประเด็นทางการเมืองอย่างไร ขอใหช่วยขับเคลื่อนกฏหมายปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อประชาชน เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง
หลังจากใช้เวลารอองค์ประชุมเกือบ 30 นาที พบว่ามีผู้แสงดตน 366 คน ส่วนการลงมติ พบว่ามีผู้ใช้สิทธิ 367 คน ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 3เสียง เท่านั้น
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้พิจารณาเนื้อหาที่มีเพียง 12 มาตราไม่แล้วเสร็จ ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกต จากสมาชิกรัฐสภาเป็นการเตะถ่วง เนื่องจากเสียเวลารอองค์ประชุมให้ครบจำนวน คือ เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก ที่มี 727 คน คือ 364 คน ก่อนลงมติเป็นเวลานาน ทั้งนี้ในช่วงหนึ่งระหว่างรอองค์ประชุมให้ครบก่อนลงมติ นายสุรชัย ลุกขึ้นหารือว่า ขอให้สมาชิกร่วมพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วง และผ่านกฎหมายดังกล่าวให้ได้ ตนกังวลเห็นบรรยากาศลงมติใช้เวลานาน เพื่อรอองค์ประชุม ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีประเด็นทางการเมืองอย่างไร ขอใหช่วยขับเคลื่อนกฏหมายปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อประชาชน เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง
ขณะเดียวกันมีข้อเสนอจากนายสมชาย แสวงการ ส.ว. หารือต่อที่ประชุมระหว่างรอการลงคะแนนว่า เมื่อตรวจสอบองค์ประชุมแล้ว พบว่ามีปัญหาตอนลงคะแนน ขอให้ ใช้การลงมติด้วยการขานชื่อ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมไม่เห็นด้วย เพราะจะใช้เวลามาก เกินความจำเป็นกว่าาจะจบเรื่อง ดังนั้นขออดทนรอคอย
ส่วนนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. หารือต่อที่ประชุมด้วยว่า “ใครที่ไม่มาลงคะแนน ครั้งหน้าแก้กฎหมายให้ตัดเงินเดือน หรือไม่ลงคะแนน 3 ครั้งพ้นสมาชิกภาพไป จะได้จบๆ เรื่องไป”
ทั้งนี้นายชวน กล่าวว่า เรื่องเงินเดือนไม่กระทบคนไม่รับผิดชอบไม่มีผลอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละคน และขอให้อดทน พร้อมกับขานจำนวนของส.ส.ที่ยังรอให้ครบองค์ประชุมให้สมาชิกได้รับทราบ
อย่างไรก็ตามนายเฉลิมชัย ได้เสนอต่อนายชวน ด้วยว่า “มีสมาชิกฝากบอกให้นายชวน ยุบสภา” ทำให้นายชวน กล่าวติดตลกว่า “สภาหมื่นล้าน จะยุบได้อย่างไร” ซึ่งนายเฉลิมชัย กล่าวตอบว่า “ฝากให้ประธานรัฐสภาบอกนายกฯ” ซึ่งนายชวน กล่าวหยอกว่า “เรามีอำนาจสร้างสภา แต่ไม่มีอำนาจยุบสภา อย่างไรก็ดีเป็นปรากฎการณ์ธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย”