พิรุธหนักสอบเพิ่ม “อีสท์วอเตอร์” ปล่อยผีเอกชนสร้างสระสำรองน้ำ 75 ล้าน

โดยมีรายละเอียดโดยสังเขป เริ่มจากเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565 “อีสท์ วอเตอร์” ตรวจพบว่าผู้รับจ้างจัดส่งเอกสารหนังสือค้ำประกันของธนาคารเป็นของปลอม หรือเป็นไปในลักษณะการลงนามโดยไม่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร และแสดงให้เห็นว่าผู้รับจ้างขาดความน่าเชื่อถือ ทางการเงิน เพราะไม่สามารถจัดหาเอกสารค้ำประกันของธนาคารได้ตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงขาดความน่าเชื่อถือเรื่องความสุจริต (Good faith) ในการทำธุรกิจ

แต่ปรากฎว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 คณะผู้บริหาร “อีสท์ วอเตอร์” กลับมีมติยินยอมว่าจ้างบริษัทรายเดิม (บริษัท โกบอล โปรสเปคเตอร์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด) ต่อไป โดยไม่มีการพิจารณาโทษ หรือ แจ้งความเอาผิดใด ๆ รวมถึงยังมีการปรับปรุงผ่อนผันเงื่อนไขสัญญาจ้าง ให้เข้ากับลักษณะเงื่อนไขของผู้รับจ้าง คือ ปกติผู้รับจ้างต้องส่งมอบหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร 2 ฉบับ คือ

1. ค้ำประกันสัญญาร้อยละ 5 และ 2. ค้ำประกันการเบิกเงินล่วงหน้าร้อยละ 10 / แต่รอบใหม่ของสัญญาว่าจ้าง “อีสท์ วอเตอร์” เลือกอนุโลมให้ผู้รับจ้าง แค่วางแคชเชียร์เช็คเพื่อค้ำประกันสัญญาร้อยละ 5 โดยไม่ต้องวางแคชเชียร์เช็คเพื่อค้ำประกันการเบิกเงินล่วงหน้าร้อยละ 10

โดยทางกลุ่มตัวแทนผู้ถือหุ้น ต้องการให้มีการตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากผู้บริหาร บริษัท อีสท์ วอเตอร์ มีการตกลงจ้างผู้รับจ้างที่ขาดความน่าเชื่อถือทางการเงิน โดยเฉพาะอาจมีการทิ้งงานในอนาคตหรือดำเนินการล่าช้าได้ เมื่อประสบปัญหาทางการเงิน และการดำเนินการตรวจสอบหนังสือค้ำประกันดังกล่าวมีความล่าช้าผิดปกติ

ขณะที่กรณีดังกล่าว เมื่อเดือนมิ.ย. 2565 ทีมข่าว TOP NEWS ได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวจากธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ได้รับคำตอบในครั้งแรกว่า ธนาคารไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้

แต่ต่อมาเมื่อทำการตรวจสอบซ้ำ จากข้อมูลที่ปรากฎเป็นเอกสารของธนาคารกสิกรไทย สาขาพหลโยธิน จึงได้รับคำยืนยันชัดเจนว่า “จากการตรวจสอบพบว่าหนังสือค้ำประกัน LG หรือ Letter of Guarantee เป็นเอกสารปลอม ไม่ได้ออกจากระบบของธนาคารกสิกรไทยแต่อย่างใด” และเมื่อทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งบันทึกไว้อยู่บริเวณท้ายหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับดังกล่าวของธนาคารกสิกรไทย ปรากฎว่า หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น