หลิน จิ่งผิง บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของสำนักข่าว CNA ไต้หวันให้สัมภาษณ์ Topnews เผยว่าชาวไต้หวันส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากสถานการณ์ก่อนการเดินทางมาของเพโลซี แต่ก็มีบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยที่รู้สึกวิตกของคำขู่ของจีน ส่วนสาเหตุที่ไม่วิตกเพราะเคยชินกับเสียงเตือนและเสียงขู่จากจีนซึ่งมีมามากกว่า 70 ปีแล้ว และว่าชาวไต้หวันส่วนใหญ่ราว 78-80% รู้สึกยินดีต่อการมาเยือนของเพโลซี
ชาวไต้หวันส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แม้จะถูกจีนขู่เตือนอย่างหนัก รวมทั้งจัดการซ้อมรบ และขู่ใช้มาตรการคว่ำบาตร เพื่อลงโทษไต้หวันที่ให้การต้อนรับแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐ
ข่าวที่น่าสนใจ
สำหรับเรื่องแผนการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงของกองทัพจีนที่กำหนดจะมีขึ้นเป็นเวลา 4 วันตั้งแต่ 4-7 สิงหาคมนั้นเป็นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงครั้งแรกของจีน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการซ้อมรบของจีนในปี 2538 และ 2539 การซ้อมรบครั้งนี้ไม่น่าวิตกเท่าไรนัก เพราะการซ้อมครั้งนั้นจีนใช้ขีปนาวุธในการซ้อมซึ่งรุนแรงมากกว่า อย่างไรก็ตามชาวไต้หวันยอมรับว่าการซ้อมรบและการข่มขู่ของจีนครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2539 หรือในรอบ 26 ปี โดยชาวไต้หวันเปรียบเทียบการข่มขู่ของจีนครั้งนี้ว่าใกล้เคียงกับปี 2539 ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่ไต้หวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีทางตรงครั้งแรก โดยได้มีการหย่อนบัตรเลือกอดีตประธานาธิบดีลีเต็งฮุย เป็นประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งคนแรกของไต้หวัน ซึ่งครั้งนั้นถือว่าเป็นวิกฤติการณ์ไต้หวันครั้งที่ 3 อย่างไรก็ตาม ไต้หวันยอมรับว่าการข่มขู่และการซ้อมรบของจีนรอบนี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า โดยจะมีการซ้อมรบใน 6 พื้นที่ รอบเกาะไต้หวัน และจุดซ้อมรบที่ใกล้ไต้หวันมากที่สุดอยู่ห่างจากเมืองหลิวฉิว ทางใต้สุดของไต้หวันเพียง 9.5 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามจิ่งผิงกล่าวว่าแม้จีนจะเปิดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง แต่คนไต้หวันที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งไม่สามารถมองเห็น หรือได้ยินเสียงอาวุธต่างๆเพราะจุดซ้อมรบยังถือว่าห่างไกลจากตัวเกาะไต้หวัน ยกเว้นชาวประมงที่ออกเรือหาปลา หรือประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆที่ห่างออกไป เช่นเกาะเผิงหู ซึ่งเป็นดินแดนของไต้หวันที่อยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุดที่อาจเห็นความเคลื่อนไหวของกองทัพจีน ทำให้คนไต้หวันส่วนใหญ่ไม่รู้สึกหวั่นวิตก
อย่างไรก็ตามชาวไต้หวันยอมรับว่า หลังจากที่เพโลซีเดินทางออกจากไต้หวันไปแล้ว จีนอาจยกระดับการข่มขู่หรือลงโทษไต้หวัน ซึ่งล่าสุดก็มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรสินค้าหลายชนิดไปแล้ว
สำหรับอนาคตของไต้หวันจะเป็นอย่างไร จะถูกจีนรวมชาติหรือไม่นั้น จิ่งผิงกล่าวว่าคนไต้หวันทุกคนตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และว่าพวกเขารู้ว่าวันใดวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว จีนจะเข้ายึดครองไต้หวันอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกวิตก เพราะวิตกไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่ดีที่สุดและทำได้ก็คือการใช้ชีวิตตามปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-