นายแท๊ง ชีฟาง ผู้ร่วมวิจัยของสถาบันการศึกษานานาชาติแห่งประเทศจีน กล่าวกับสื่อ Global Times ว่า การเยือนไต้หวันของนางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ผลักดันให้กลุ่มประเทศอาเซียนเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่มั่นคง พวกเขาสัมผัสได้ถึงการแทรกแซงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และภัยคุกคามต่อเสถียรภาพในภูมิภาค นี่คือสิ่งที่ประเทศเหล่านี้พยายามหลีกเลี่ยง เพื่อยังคงไว้ซึ่งสันติภาพและการพัฒนาที่พวกเขายึดมั่นมาอย่างยาวนาน เพราะพวกเขามีจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวและต้องการผลักดันถึงเสถียรภาพในภูมิภาค แต่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐที่เลวร้ายลง นับเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประเทศเล็กๆ เป็นอย่างมาก
ด้านนายเฉิน เชาเมียว ผู้ช่วยนักวิจัยจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการศึกษาทะเลจีนใต้ ก็กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการยึดมั่นในหลักการจีนเดียวและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงระหว่างจีนกับสหรัฐ ถือเป็นฉันทามติภายในกลุ่มอาเซียน แต่การเยือนไต้หวันของเพโลซีครั้งนี้ นับเป็นการเปิดตาของพวกเขาให้กว้างขึ้น เพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อวินาศกรรมที่ใหญ่ที่สุดต่อเสถียรภาพในภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ เฉินได้ชี้ว่า เนื่องจากเหล่าประเทศอาเซียนไม่ต้องการที่จะเห็นความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐ ประเทศเหล่านี้ สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย เพื่อบรรเทาความตึงเครียดได้ เพราะกลุ่มนี้ มีเป้าหมายที่จะเป็นกลางและไม่เลือกข้า จึงมีโอกาสที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ ซึ่งเฉินก็แนะว่า เหล่าประเทศอาเซียนสามารถจัดให้มหาอำนาจมาร่วมเจรจากันได้ ทั้งในการประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย และการประชุมเอเปกที่ประเทศไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้