เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ #ถึงลุงป้อม ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมรัฐสภาในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งในชั้นกรรมาธิการมีการลงมติไปแล้วว่าเอาหาร 500 แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 3 ส.ค. องค์ประชุมไม่ครบ เท่ากับว่าเกิดกระแสขึ้นมาว่าพรรคพลังประชารัฐของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยในการหักเอาระบบ 100 กลับมา ซึ่งในขั้นตอนของกฎหมายตามที่ตนได้ติดตาม ตอนนี้แม้ในชั้นการแปรญัตติของการประชุมร่วมรัฐสภาในวาระสองมีการลงมติเอาหาร 500 แต่ถ้าสมมติว่าการพิจารณาร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วันก็จะต้องกลับไปใช้ร่างหลัก คือร่างหาร 100 ของคณะรัฐมนตรี
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา องค์ประชุมไม่ครบ ทำให้มีกระแสมองว่าพรรคพลังประชารัฐสายพล.อ.ประวิตรไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าลุงป้อมหักลุงตู่ ทั้งนี้ทราบว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 10 ส.ค.ต้องดูว่ารัฐสภาจะเดินหน้าเพื่อพิจารณาต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งจะมีสองตัวเลือกคือ 1.องค์ประชุมไม่ครบ จนไม่มีการประชุม และถือว่าพิจารณากฎหมายลูกไม่ทันกรอบเวลา ต้องกลับไปยึดร่างของคณะรัฐมนตรีที่เสนอโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่หารด้วย 100 ชัดเจนว่าลุงป้อมไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อนำหาร 100 กลับมา 2.แต่ถ้าสมมติว่ามีการพิจารณาได้ เปิดประชุมสภาได้ และมีการโหวตกันครบ ก็มาว่ากันอีกทีว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร จะมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่สิ่งที่ต้องย้ำให้เห็นคือช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่หาร 500 พรรคเพื่อไทยเดินเกมมาตลอด ต่อสู้ทุกกระบวนการ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีการสมคบกันเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า กติกาในการเลือกตั้งส.ศ.ถือเป็นหัวใจที่นักการเมืองตีกัน ทะเลาะกัน และกัดกันในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองว่าใครจะสามารถยึดของประเทศได้ และสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ตามหลักของตนถ้าเราออกกติกาแล้วได้คนดีมาบริหารประเทศ ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย เราก็พอรับได้ แต่ถ้าออกกติกามาให้พวกขี้โกง โกงบ้านโกงเมือง สมคบกันตั้งมุ้งมาร่วมกันโกง ทำให้ประเทศชาติเสียหายและยิ่งใช้อำนาจไม่ชอบ โดยไม่แคร์กฎหมาย ทำให้ประเทศชาติเสียหายเราต้องร่วมกันต่อต้านอย่างเต็มที่
นพ.วรงค์ กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐมาจากกระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ มีอำนาจต่อรองสูงมาก โดยประมาณ 2 ปีกว่า ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีอำนาจต่อรองสูงเหมือนกับดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือของนายกฯและนายกฯสามารถปลดรัฐมนตรีได้ 2 คนโดยที่ไม่มีใครกล้าหือ ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรมหาเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นี่คืออนิสงค์ของบัตรหนึ่งใบ และประชาชนจะทรงอำนาจสูงมาก จนถึงขนาดที่พรรคเก่าแก่พรรคหนึ่งถูกประชาชนลงโทษจนสูญพันธุ์ในกทม. ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าประชาชนทรงพลังมาก สามารถจัดการพรรคการเมืองที่ประชาชนไม่ชอบในการเลือกตั้งแบบบัตรหนึ่งใบ ซึ่งตนเคยเรียกร้องให้นายกฯให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จึงเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์เอาไว้ คนที่ท่านเคยปลดออกจากตำแหน่งสามารถต่อกรกับท่านได้ทันที เพราะเป็นระบบบัตรสองใบ ต้องยอมรับว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอำนาจต่อรองกับมุ้งต่างๆ หรือแม้กระทั่งส.ส. เพราะเขาไม่ต้องแคร์ตัวนายกฯแล้ว เนื่องจากบัตรสองใบใช้เงินมากกว่า เพราะทุกคนไม่ต้องแคร์กระแสพรรค เป็นเรื่องของหัวคะแนน ไม่ว่าจะเป็นบัตรสองใบหาร 100 หรือหาร 500 ส.ส.เขตเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในพื้นที่ พลังของส.ส.จึงสูงขึ้น เกิดระบบมุ้งในการเข้ามาดูแล โดยในระบบบัตรสองใบอำนาจต่อรองของนายกฯหรือพล.อ.ประยุทธ์ก็ลดน้อยลง ถือว่าท่านพลาดไปแล้ว ทิ้งไพ่จากบัตรเลือกตั้งหนึ่งใบเป็นสองใบ แต่วันนี้จะเป็นสองใบหาร 100 หรือสองใบหาร 500