ประวิตรคิด(การ)ใหญ่ พปชร.เสื่อมทรุด

พฤติกรรมมันส่อ หลายเรื่องมันชัด อยากผงาดเป็นใหญ่บันทึกชื่อเป็น “สร.1”   วางแผนล้มตู่เล่นงานนายกฯซ้ำซาก โอกาสสุดท้ายของบิ๊กป้อม  ลูกขุนพลอยพยัก “สีเขียว-สีกากี” เลยออกตัวแรง  งัดสารพัดวิธีคว่ำพล.อ.ประยุทธ์  ใช้วิชามารตีตกสูตรหาร 500ลงให้ได้  บีบเส้นทางนายกฯให้แคบลง หวังดันพี่ใหญ่เป็นนายกฯ ถึงขั้นจับมือพรรคเพื่อไทย  พลังประชารัฐก็เอาแต่เล่นการเมืองไม่สนใจทุกข์ร้อนชาวบ้าน เลือกตั้งคราวหน้าระวังคนไทยจะสั่งสอน  

ได้ชื่อว่าเป็น “ป๋า ป.”  ผู้มีบารมีแห่งมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด สำหรับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของตำแหน่งผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ที่ชั่วโมงนี้ดูทรงแล้วอาจไม่คิดอยู่แค่ตำแหน่งนี้ไปจนตาย  หลังปะติดปะต่อหลายเหตุการณ์เข้าด้วยกัน มองยาวๆมองไกลๆ ไม่ต้องเป็นคอการเมืองก็พอจะมองออกว่าพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์กำลังคิดการใหญ่ เป้าหมายปลายทางก็อย่างที่รู้  ขึ้นแท่นสร.1 บันทึกชื่อเป็นนายกฯคนต่อไปของประเทศไทย

พล.อ.ประวิตร เกิด 11 ส.ค. 2488  อีกไม่กี่วันจะครบวันคล้ายวันเกิดย่าง 77 ปี ที่วันนี้เจ้าตัวมีครบทุกอย่าง ทั้งเงิน บารมี  อำนาจ สมุนบริวาร  ขาดก็แต่ “วาสนา” เท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง จึงไม่สามารถขึ้นสุดถึงยอดตึกไทยคู่ฟ้า ครองทำเนียบรัฐบาลได้   แต่ปีนี้-ปีหน้าดูเหมือนจะเป็นโอกาสลุ้นดีที่สุดหากจะคิดอ่านทำการใหญ่   ชัดเจนว่าเป้าหมายของคนข้างกายพี่ใหญ่  ที่ล้วนเป็นพวก “ลูกขุนพลอยพยัก”  มีอยู่อย่างเดียวคือต้องการผลักดันพี่ใหญ่ป้อมให้เป็นนายกฯ เสียที  เพราะรอโอกาสมานานหลายปี   รอบนี้โอกาสทองน่าจะมาถึง  เพราะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม  กำลังเจออุปสรรคหลายด่าน  ประการแรกต้องลุ้นตีความการทำหน้าที่นายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ม.158 วงเล็บ 4 ว่าที่สุดศาลรัฐธรรมนูญจะติดสินการเป็นนายกฯ 8 ปีออกมาแบบไหน หลังฝ่ายค้านมองว่าจะครบกำหนดห้ามเป็นนายกฯเกิน 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.2565 นี้

แต่ฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์มองว่าจะครบ 8 ปียังมีเวลาอีกนาน ถ้านับตามการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้อง 5 เม.ย.2568   หรือถ้านับตาม รัฐธรรมนูญ ม.158 ให้ถูกต้องครบถ้วนทั้งกระบวนความของที่มาในการเป็นนายกฯ ก็ต้องเป็น 8 มิ.ย.2570  เพราะฉะนั้นยังมีเวลาอีกบานเบอะให้ไปต่อ  ประการที่สองกระแส “เบื่อนายกฯ” ที่ผู้นำประเทศทุกคนที่อยู่นานทำงานหลายปีก็ต้องเจอเรื่องนี้หมด  ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์   ชวน หลีกภัย  ทักษิณ ชินวัตร  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ฯลฯ  พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่พ้นวัฏจักรนี้    หลังเป็นนายกฯมา 7 ปีเศษแล้ว  แถมการเป็นนายกฯสมัยสองรอบนี้  ยังเจอ “โคตรมหามรสุม” มากมายที่คงไม่มีผู้นำประเทศคนไหน เจอหนักเท่า  ทั้งโควิด-19 ไวรัสล้างโลก เกือบ 3 ปี  ต่อด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ ร่ำๆจะต่อด้วยจีนกับสหรัฐฯอีก  ฯลฯ  ส่งผลให้เกิดปัญหาหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ  ทั้งราคาน้ำมันแพง    ตรงนี้เลยกลายเป็นตัวเร่งให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบไปโจมตีเรียกร้องให้บิ๊กตู่ลุกออกจากเก้าอี้ผู้นำไปได้แล้ว

ห้วงเวลานี้จึงกลายเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการรุกไล่พล.อ.ประยุทธ์ให้พ้นทางพี่ใหญ่ป้อมไปเสียที   คนที่เป็น “ไอ้โม่ง” คิดการใหญ่ฝันใฝ่เรื่องสูงเกินตัวแบบนี้  ข้างกายพล.อ.ประวิตร   ใครอยู่ในแวดวงการเมืองหรือเป็นแฟนพันธุ์แท้คอการเมืองย่อมรู้ดี  พล.อ.ประวิตรมีเบอร์ใหญ่ใกล้ตัว 2 คน   หนึ่งคือเพื่อนซี้ตท.6 เป็น “พล.อ.”  ที่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก กินอยู่หลับนอนกับบิ๊กป้อมมาตลอดชีวิต   ส่วนอีกคนก็เป็นอดีตนายตำรวจใหญ่คับกรมปทุมวันยศ “พล.ต.อ.”  บิ๊กสีกากีคนนี้เป็นเจ้าของรหัส “ ป.ที่4”  ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ทั้งคู่เป็นตัวเอ้ในสภาสูง คุมเสียงส.ว.ข้างบิ๊กป้อมมาตลอด  และเป็น 2 คีย์แมนสำคัญที่คิดแผนการล้มนายกฯคว่ำบิ๊กตู่มาตลอด   เท็จจริงเรื่องนี้อาจไม่มีใบเสร็จยืนยัน  ไร้หลักฐานเอาผิดได้แบบคาหนังคาเขา  แต่จับอาการที่เปลี่ยนไปของพล.อ.ประวิตร  ดูพฤติการณ์ทางการเมืองของบรรดาส.ส.และสว. ฝ่ายลุงป้อม  คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยจริงๆ นอกจากซ่องสุมกำลังวางแผนกันปูทางให้พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นใหญ่ในใต้หล้าแบบนั้นจริงๆ

ความจริงมีเหตุการณ์มากมายมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่างเกี่ยวกับแผนการล้มน้องตู่หักเก้าอี้พล.อ.ประยุทธ์  ไล่เรียงเป็นวันๆก็ไม่หมด  เอาใกล้ที่เห็นชัดๆมาสองสามกรณี เรื่องแรกคือรอยร้าวใน 3 ป.  “รักกันแต่ไม่มีวันเหมือนเดิม”  เห็นได้ชัดว่าระยะหลังความรักของพี่น้อง 3 ป.  ลดน้อยลงไปมาก แต่ปากยังพูดรักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย  แต่สิ่งที่พล.อ.ประวิตร ทำกับ 2 น้องทั้งพล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.ประยุทธ์  เป็นเรื่องที่ยากทำใจยอมรับได้จริงๆ  กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ชัดเจนว่าลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคลงมติไม่ไว้วางใจ  ถามว่าพล.อ.ประวิตรเป็นพี่ใหญ่เป็นคนดูแลพรรคนี้เป็นผู้มีบารมีคุมกะลาหัวผู้กองทำไมปล่อยให้คะแนนตัวเองพุ่งโด่งแต่ของน้องเล็กอย่างพล.อ.ประยุทธ์ตกต่ำน้อยนิด  ตั้งใจเอามาเปรียบเทียบหรือเอามาเทียบเคียงกันถามว่าพล.อ.ประวิตรคิดอะไรอยู่  ส่วนของพล.อ.อนุพงษ์ที่หนักกว่าไฟเขียวให้ส.ส.ก๊วนปากน้ำในพรรค  โหวตสวนมติพรรค ยกมืออภิปรายไม่ไว้วางใจมท.1 เล่นแง่คว่ำบิ๊กป๊อกกันดื้อๆ หนำซ้ำเสร็จศึกยังให้ท้ายลงพื้นที่ปากน้ำไปอวยยศกันสุดๆ  พล.อ.ประวิตรถึงขั้นประกาศบนเวทีจะให้เก้าอี้รัฐมนตรีกลุ่มปากน้ำตอบแทนบ้านใหญ่สมุทรปราการเพราะกวาดส.ส.เข้ามายกจังหวัด  ฝ่ามติพรรคฝืนคำพูดตัวเองคว่ำพล.อ.อนุพงษ์แทนที่จะเอาผิดลงโทษแต่ดันมาให้ท้าย 6 ส.ส.ไปเสียนี้  แถมอนาคตยังจะยกเก้าอี้เสนาบดีตอบแทนให้อีกถ้ามีการปรับครม.

ปิดท้ายเรื่องสูตรคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่งัดกันมาตลอดทางตั้งแต่ชั้นกมธ.วิสามัญ  ที่ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ยืนกรานต้องหาร 500 หากจะชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากจะหยุดแลนด์สไลด์ฝ่ายทักษิณบล็อกพรรคเพื่อไทย  แต่ฝั่งพล.อ.ประวิตรอยากจะได้สูตรหาร 100  สู้กันมาทุกยกงัดกันมาทุกเวที  ในชั้นกมธ.วิสามัญฝ่ายพล.อ.ประวิตรชนะเพราะเป็นเสียงข้างมากเลยยืนที่สูตรหาร 100  จากนั้นในที่ประชุมร่วม ส.ส.และสว. ฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ก็มาชนะจนได้กลับลำมาที่สูตรหาร 500  แถมนายกฯปิดห้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลตกผลึกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะเอาสูตรนี้เป็นธงเป็นร่มของฝ่ายรัฐบาล  อาจทำให้บางพรรคได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยไปบ้างหรือไม่ได้เลย  แต่ร่มใหญ่ปลายทางจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะบล็อคทักษิณหยุดพรรคเพื่อไทยได้แน่นอน  คุยกันมั่นเหมาะตกปากรับคำกันเป็นอย่างดี  แต่จู่ๆก็มีใบสั่งให้กลับหลังหันยูเทิร์นกลับมาที่สูตรหาร 100 อีกครั้ง  รอบนี้มีการใช้วิชามารสารพัดทั้งเสนอกฎหมายพ.ร.บ.ปรับเป็นพินัยมาขวาง การพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมแบบเชื่องช้าเหมือนเต่าคลาน  กะให้เวลาวันประชุมร่วมสองสภาร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จากเดิมที่มีเหลือเฟือถึง 4 วันคือ  2-3 ส.ค. กับ 9-10 ส.ค.

 ขณะที่ฝ่ายสภาสูงที่มีพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสว.ก็ออกมารับลูกกับขบวนการล้มสูตรหาร 500  ก่อนหน้านี้เคยถึงขั้นรับปากว่าจะเจียดวันที่ 9 ส.ค.ให้เป็นเวลาของการประชุมร่วมรัฐสภารับปากในสภาต่อหน้านายชวน  แต่จู่ๆวันดีคืนดีกลับบอกว่าสว.มีกฎหมายค้างอีกมาก มีระเบียบวาระที่ต้องคุยกันอีกเยอะ   เด็กเลี้ยงแกะเข้าสิงเอาดื้อๆ สุดท้ายวันประชุมร่วมหดจนเหลือแค่หางจิ้งจกมีเวลาพิจารณาสูตรหาร 500 เหลือแค่ 1 วันคือ 10 ส.ค.   มาบรรจุเอาท้ายสุดหวังให้เกิดอุบัติเหตุวางแผนให้ไม่ทัน 15 ส.ค.นี้   ซึ่งจะเป็นเส้นตายในการพิจารณากฎหมายลูกให้ต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ม.132 (1 ) ไม่งั้นก็ต้องกลับไปใช้ร่างพ.ร.บ.ที่เสนอตาม ม.131 ก็คือร่างของครม.  นี้คือความพยายามจับมือกันทำแท้ง กฎหมายลูกสูตรหาร 500 ย่างเลวร้ายเพราะรับลูกต่อกันมาเป็นทอดๆ  แถมล่าสุดนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาลยังออกมารับลูกหน้าชื่นตาบานว่า 10 ส.ค.นี้ ส.ส.เขตอาจไม่สะดวกมาประชุม เพราะติดร่วมงาน “วันกำนันผู้ใหญ่บ้าน” ที่ต้องลงพื้นที่ไปร่วมงานทั้งวัน  ส่วนอรรถกร ศิริลัทยากร เลขาฯวิปรัฐบาลก็ออกมาพูดยิ่งชัด พรรคพลังประชารัฐไม่ได้บังคับให้ใครจะมาร่วมหรือไม่ร่วมประชุมสภา 10 ส.ค.นี้  ชัดเจนสุดๆว่าลอยแพสูตรหาร 500 แล้ว

เป้าหมายไม่ใช่แค่เอาชนะสูตรเลือกตั้ง แต่เบื้องหลังคือบีบทางเดินกลับไปเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ให้แคบลง  กลับไปใช้สูตรหาร 100 มีแต่พรรคใหญ่เท่านั้นที่จะเข้าวิน พรรคเล็กพรรคน้อยสูญพันธ์ตายกันหมด หลายเรื่องหลายราวที่เหลาไป  ถ้าพล.อ.ประวิตรไม่คิดการใหญ่คงไม่เดินเกมส์แบบนี้  ทำลายล้างพี่น้องด้อยค่า 3 ป.  คิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากบิ๊กป้อมอยากเล่นบทพระเอกเสียเอง  ประยุทธ์หนึ่งเป็นรองนายกฯรับบทพระรองเพราะน้องเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ   ประยุทธ์สองเป็นหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นฐานรากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ   เลือกตั้งเที่ยวหน้าพี่ใหญ่คงอยากลองลิ้มชิมรสเป็นสร.1 บ้าง  ไม่งั้นไม่เตะตัดขาเถรกวาดลานพล.อ.อนุพงษ์กับพล.อ.ประยุทธ์แบบนี้   รักอมตะของ 3 ป.ที่ไม่แยกไม่แตกันจนวันตายคงเป็นแค่นิยาย  ทำไมทำมาเหมือนย้อนอดีตไปสู่ยุคแห่งอำนาจของ  “จอมพลป. – จอมพลสฤษดิ์ -พล.ต.อ.เผ่า”  รักกันช่วยเหลือกันแทบตาย สุดท้ายก็ห่ำหั่นทิ่มแทงกัน   พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประยุทธ์  กำลังเข้าอีหร่อบนี้  ถ้ายังไม่หูตาสว่างมีหวังพังพินาศพร้อมกัน  ขณะที่พรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ตั้งพรรคมาดูท่ามีแต่เสื่อมทรุด สาละวันเตี้ยลงไปทุกวัน  ปีนี้ถึงขนาดด้อยค่าตัวเอง จะทำสภาล่มจะล้มกฎหมายลูกสูตรหาร 500 ถึงขั้นยอมจับมือกับพรรคเพื่อไทย ทำการทุรยศต่อสภา  เสียดายเวลา เสียดายภาษี  อุตส่าห์ทุ่มเทกันมาเกือบ 180 วัน จู่ๆจะมาเททิ้งกันแบบง่าย ๆ  ผลงานพรรคพลังประชารัฐไม่มีอะไรจับต้องได้  เข้ามาเล่นการเมืองเพียวๆ ทำแต่เรื่องรับใช้หัวหน้า ช่วงชิงแก่งแย่งอำนาจ  ความเดือดร้อนชาวบ้านทุกข์ร้อนคนไทยไม่เคยหยิบยกเอามาพูด  อนาคตมีแต่เสื่อทรุดชำรุดไปหน้า ถ้ายังไม่เมาหมัดไม่รู้ว่าใครคือคนที่จะกู้วิกฤติพรรครับรองเลือกตั้งคราวหน้าร้อยก็ไม่ถึง เผลอๆต่ำ 50 เพราะห่วงแต่เล่นการเมืองทิ้งชาวบ้าน  ไม่เชื่อก็คอยดูอีกไม่กี่เดือนคนไทยจะให้คำตอบเอง

////////////

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มบุกช่อง 3 สาวหมัดใส่ “พระปีนเสา” กลางสถานี หน้าเจื่อน-จีวรแทบหลุด ด้านต้นสังกัดเรียกกลับวัดด่วนใน 7 วัน
"โคราช" หมอกลงจัด ปกคลุมหลายพื้นที่ ทัศนวิสัยแย่ มองไม่เห็นเส้นทาง สัญญาณอากาศหนาวมาเยือนแล้ว
ห้ามพลาด ลงทะเบียน-เช็กเงื่อนไข ใช้สิทธิประกันสังคม "กู้ซื้อบ้าน" ธอส.ดอกต่ำ 5 ปีแรก
ดีเดย์ "BRT" เริ่มเก็บค่าโดยสาร 15 ตลอดสาย ผู้สูงอายุ 11 บาท
"นิพิฏฐ์" โพสต์เดือด "ทนายความหรือปีศาจ" ชี้ขนาดทนายดัง ยังมีคดีอิรุงตุงนัง
“ดิ ไอคอน” ประกาศปิดสำนักงานชั่วคราว หลังดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ
ฝนยังไม่หมด กรมอุตุฯ เตือน 28 จว. รับมือฝนตกหนัก กทม.ก็ไม่รอด
ฮาโลวีนแปดริ้วผีแดนซ์และเหมือนจนเด็กร้องกรี๊ด
ผบช.ทท. สั่งการ ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา คุมเข้ม ดูแล นทท. คืนปล่อยผี พร้อมแจกอมยิ้มสร้างสีสัน
“พิชัย” เร่งเจรจา FTA ไทย-ยูเรเซีย เปิดการค้าการลงทุน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น