จากกรณีคนงาน 2 โรงน้ำแข็งก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืนไล่ยิงกันกลางเมืองพระนครศรีอยุธยา ล่าสุดทีมข่าวท็อปนิวส์ ลงพื้นที่ไปยังโรงน้ำแข็งอโยธยา หนึ่งในโรงน้ำแข็งคู่กรณี ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลเกาะเรียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากการสอบถามคนงานของโรงน้ำแข็ง เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ว่า
จากเหตุการณ์อุกอาจที่คนงานส่งน้ำแข็ง 2 โรงงาน ไล่ยิงกันกลางเมืองพระนครศรีอยุธยา ล่าสุด ท็อปนิวส์ ลงพื้นที่ 2 โรงน้ำแข็ง สางปมบาดหมาดทางธุรกิจ คลี่ข้อสงสัยใครคือเจ้าของตัวจริง
ข่าวที่น่าสนใจ
โรงน้ำแห่งนี้มีคนงานที่ทำหน้าที่รับส่งน้ำแข็ง 40 คน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กะ คือกะเช้าและกะบ่าย อย่างละ 20 คน ในวันเกิดเหตุพนักงานที่ไปก่อเหตุเป็นพนักงานกะเช้าและจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่า ตกใจอย่างมาก ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ส่วนประเด็นที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวว่า เจ้าของโรงน้ำแข็งอโยธา เป็นชาวต่างชาตินั้น ไม่เป็นความจริง เพราะจริงๆแล้ว เจ้าของที่แท้จริง คือ คุณพิไลวรรณ พงษ์พาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันได้เดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์
ไม่เพียงเท่านั้นทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้ลงพื้นที่ต่อไปยังโรงน้ำแข็งพันล้าน โรงน้ำแข็งคู่กรณีอีกฝ่าย ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 11 ซอยโรงโข่ง ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พบกับ นายสุริยา ซิง อายุ 30 ปี คนขับรถส่งน้ำแข็ง เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ว่า โรงน้ำแข็งพันล้านที่ตนเองเป็นพนักงานอยู่นั้น เพิ่งเปิดให้บริการประมาณ 1 เดือน โดยในแต่ละวันตนเองและเพื่อนพนักงาน จะทำหน้าที่ส่งน้ำแข็งตามร้านต่างๆ ในพื้นที่ตำบลเกาะเรียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ ตนเองได้ไปส่งน้ำแข็งตามปกติ แล้วถูกกลุ่มของโรงน้ำแข็งอโยธยา กว่า 10 คน ปิดล้อมรถเองตนเองไว้ ด้วยความตกใจ
จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับทางหัวหน้าโรงน้ำแข็งพันล้าน พร้อมกับแจ้งตำรวจ ว่า โดนล้อมรถ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และพยายามเข้ามาเปิดประตูรถคันที่ตนเองขับอยู่ บางจังหวะได้ใช้กำลังทุบรถและสกัดไม่ให้ขับรถออกจากพื้นที่ แต่โชคดีตนเองได้ใช้จังหวะช่วงชุลมุนหลบหนีออกมาได้ จนกระทั่งกลุ่มคู่กรณี ได้ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนพนักงานของตนเอง ที่กำลังส่งน้ำแข็งให้ลูกค้าซึ่งเป็นจุดบริเวณสถานีรถไฟหน้าวัดพนัญเชิง แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่กัน ไม่เพียงเท่านั้น นายสุริยา ยังได้กล่าวยอมรับว่าชนวนเหตุสำคัญที่นำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะมาจากคู่กรณี คิดว่าพวกตนเองวิ่งทับเส้นทำมาหากิน แต่ถึงอย่างไรตนเองและเพื่อนพนักงานก็จะยังคงทำอาชีพนี้ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-