หลังผ่านการพิจารณากฎหมายลูกมานานเกือบ 6 เดือน ล่าสุด 10 ส.ค.2565 น่าจะเป็นวันสุกดิบว่าตกลงกฎหมายลูกสูตร 500 จะอยู่หรือไป แน่นอนว่าประเด็นนี้ไม่ได้มีแค่มุมเรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเดียว แต่มันรวมถึงอนาคตทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รวมถึงตัวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วย ว่าจะไปทางไหนจะเอาอย่างไรกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ท่ามกลางกระแสมีความพยายามจะล่มกฎหมายลูกเรื่องสูตรหาร 500 พรุ่งนี้ ภายหลังจากที่เห็นความพยายามของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคเศรษฐกิจไทย และส.ว.สายลุงป้อมบางส่วน ก่อเหตุทำให้สภาล่มระหว่างการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ต้องการยื้อกฎหมายนี้ลากกฎหมายนี้ขวางไว้คาไว้เพื่อไม่ให้กฎหมายลูกเรื่องเลือกตั้งส.ส.ได้พิจารณาสำเร็จภายใน 180 วัน นับตั้งแต่เริ่มบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของสภาเมื่อ 17 ก.พ.2565 และจะครบ 180 วัน ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ หากพิจารณาไม่ทันวาระ 3 กฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.ที่ยืนสูตรหาร 500 ฉบับนี้ก็จะตกไป จากนั้นก็จะไปเข้ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 (1) คือให้ไปนำพ.ร.บ.ที่ผ่านตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 มาใช้ ซึ่งก็คือร่างของครม.ที่จัดทำโดยกกต.
ถ้าการประชุมพรุ่งนี้ 10 ส.ค. ออกหน้าตามนี้ก็เรียกว่า “เรียบร้อยโรงเรียนป้อม” สมใจพล.อ.ประวิตรและบรรดาพวกลูกขุนพลอยพยัก ที่อ้าปากน้ำลายไหลแบบเต็มๆ เพราะอยากให้ล้มสูตรหาร 500 ปิดทางเดินพล.อ.ประยุทธ์ให้แคบลงอยู่แล้ว ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าการยูเทิร์นกลับมาใช้สูตรหาร 100 จะเข้าทางพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์กับทักษิณ ชินวัตร แบบสุดๆ เพราะคุ้นชิ้น มีหัวคะแนน มีระบบจัดตั้ง มีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากที่สุด ขนาดหลายคนวิเคราะห์ให้เห็นว่าบัตร 2 ใบ สูตรหาร 100 จะเข้าทางตีนฝ่ายโทนี่แบบเต็มๆ แต่พรรคพลังประชารัฐ ส.ว.สายลุงป้อม และตัวพล.อ.ประวิตรเองก็ยังถูลู่ถูกังจะเอาสูตรหาร 100 ให้ได้ คิดแบบการเมืองมองแบบข้ามช็อต ถ้าพล.อ.ประวิตรไม่คิดจับมือกับพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณ การเดินหมากแบบนี้มันฆ่าพล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจล้มนายกฯชัดๆ เพราะมีอย่างที่ไหนไปแก้กติกาเข้าทางศัตรูปูพรหมแดงให้ทักษิณกลับไทยเลยแบบนี้
แถมแนวทางคว่ำสูตรหาร 500 ก็สุดอุบาทว์ชาติเลว ให้ปิดเกมส์ประชุมร่วมรัฐสภาจากที่มีหลายวันหดเหลือวันเดียวคือ 10 ส.ค. ใบสั่งสภาสูงไม่ให้ประชุมกฎหมายลูก ทั้งๆที่ส.ว.มีเวลาบานเบอะ 8-9 ส.ค. วานนี้ 8 ส.ค. เรื่องที่ประชุมก็ไก่กาหาสาระไม่เจอแถมประชุมเลิกบ่าย 3 ขณะที่ 9 ส.ค.วันนี้ก็อ้างว่ามีเรื่องให้พิจารณาอีก ทั้งๆที่กฎหมายลูกเลือกตั้งโคตรสำคัญดันไม่เลื่อนเวลาให้มาพิจารณาให้จบๆ ดูเจตนาของพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานส.ว.รอบนี้คงรับงานมาเต็มๆ เพราะแก้ตัวไม่ออกฟังไม่ขึ้น เรื่องที่ไม่ยอมเปิดเวลาให้มีประชุมร่วมนอกเหนือวันที่ 10 ส.ค. ขณะที่สภาล่างฝ่ายบิ๊กป้อมก๊วนพล.อ.ประวิตร บรรดาส.ส.พรรคพลังประชารัฐก็เอาใจพี่ใหญ่ 3 ป. ที่กำลังคึกเป็นม้าสุดๆ ถึงขนาดนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปออกมาส่งสัญาณเลยว่า 10 ส.ค. ส.ส.เขตไม่สะดวก เพราะติดร่วมงาน “วันกำนันผู้ใหญ่” ในแต่ละพื้นที่ 1 ปีมีวันเดียว ขณะที่อรรถกร ศิริลัทยากร เลขาฯวิปรัฐบาล ก็ออกมารับลูกอีกต่อ “พรรคไม่ได้บังคับให้ส.ส.เข้าร่วมประชุม” กฎหมายลูกก็สำคัญแต่พื้นที่แต่ชาวบ้านก็ทิ้งไม่ได้เป็นอันขาด ส่งสัญญาณลอยแพสูตรหาร 500 แบบหน้าด้าน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หน้าดำคร่ำเครียดเอาเป็นเอาตามเรื่องนี้มาตลอด จู่ๆวันดีคืนดีก็เททิ้งกฎหมายลูกไปเฉยๆ เพราะต้องการเอาใจสูตรหาร 100 ที่นายป้อมเลือก วิธีการเลวชั่วอย่างไรก็ไม่สน พรรคพลังประชารัฐวันนี้ต้องบอกว่าย่ำแย่เต็มทน หลักการไม่มี จุดยืนไม่ต้องพูดถึง ทำการเมืองเอาประโยชน์ตัวเองเข้าว่า ไม่คิดถึงชาติบ้านเมืองลูกหลานในอนาคตเลย กระสันจะล้มหาร500เอาสูตรหาร100กลับมาแบบนี้ คิดได้อย่างเดียวคงไปคุยกับพรรคเพื่อไทยวางแผนกันไว้หมดแล้ว จะล้มพล.อ.ประยุทธ์แบบไหนจะคว่ำนายกฯยังไง ป่าวประกาศเทสภาพรุ่งนี้กันโจ๋งครึ่ม คนรู้กันทั้งประเทศทำการเมืองไม่อายฟ้าดิน
จับตาประชุมร่วมรัฐสภาพรุ่งนี้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะทำอย่างไร รอบก่อนจับมือกับพรรคเพื่อไทย พรรคเศรษฐกิจไทย และส.ว.สายลุงป้อมเตะถ่วงกฎหมาย ไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม ทำสภาล่มมาแล้วเมื่อ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา พรุ่งนี้ถ้าคิดไม่ได้ทำการอุบาทว์ชาติชั่วไม่มาประชุมรัฐสภาถกกฎหมายลูกอีก ต้องจับประจานชั่วลูกหลานว่ารับงานการเมืองด้อยค่ารัฐสภา จะมาอ้างข้างๆคูๆว่าต้องไปร่วมงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องลงพื้นที่ไปคุยกับชาวบ้านอยู่ร่วมงาน อันนั้นฟังไม่ขึ้นเพราะส.ส.หน้าที่คือทำงานในสภา มีเวลาไปเจอชาวบ้านอีกเยอะ กฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.มันสำคัญสุดๆ เพราะชี้ชะตาอนาคตบ้านเมือง จะมาใช้การลาการขาดอ้างลงพื้นที่พบชาวบ้านอันนั้นไม่ใช่เรื่อง หากคิดทำแบบนั้นก็รับผิดกระทบที่เกิดขึ้นเองแล้วกันในอนาคต พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และรวมถึงพรรคก้าวไกล ยืนยันชัดเข้าสภาทำหน้าที่อันทรงเกียรติ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็แน่นอนเข้าประชุมแต่ไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม เพราะประกาศใช้แทกติกเรื่องนี้ตีตกสูตรหาร 500 อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่เหลือก็อยู่ที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทั้ง 97 คน จะกำหนดอนาคตตัวเองอย่างไร ไปสภาทำหน้าที่อันทรงเกียรติหรือโดดร่มเอาใจนายป้อมให้สุดลิ่มทิ่มประตู
ฝากส.ว.สายลุงป้อมเสียงข้างน้อยในสภาสูง ถ้าเลือกไม่มาหรือไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุมในวันพรุ่งนี้ เตรียมถูกขึ้นบัญชีดำได้จารึกชื่อในบัญชีหนังหมาอย่างแน่นอน เพราะงวดนี้เรียกว่า “เล่นเกินเบอร์ไปมาก” หน้าที่ส.ว.ต้องผ่านกฎหมาย ต้องเป็นที่ปรึกษาให้ส.ส. ยับยั้งการทำเลวร้ายของฝ่ายผู้แทน รอบนี้นอกจากจะไม่เป็นไม้เรียวหวดก้นผู้แทนชั่ว กลับจะกระโดดลงไปรับงานเอง แถมจับมือกับพรรคเพื่อไทยสายล้มเจ้า ไม่รู้เหรอว่าล้มสูตรหาร 500 จะเข้าทางทักษิณพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ส.ว.อยากหนุนคนโกงกลับบ้าน อยากยืนข้างพวกล้มสถาบันคิดร้ายกับเจ้านายอย่างนั้นหรือ ถามตรงๆถึงส.ว.สายพล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะพวกสีเขียวสีกากี ทำงานถวายตัวรับใช้มาก็มาก บางคนถึงขั้นดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ท่านไม่รู้หรืออย่างไรทักษิณทำร้ายบ้านเมืองแค่ไหนทำลายสถาบันให้เสื่อมค่ามากมายเพียงใด หรือผลประโชน์มันหอมหวานหรือเงินทองมันกองอยู่ตรงหน้า ยืนข้างพล.อ.ประวิตรเอาใจบิ๊กป้อมมันสำคัญกว่าชาติและสถาบันเชียวหรือ ถึงได้หน้ามืดตามัวเห็นผิดเป็นชอบไม่รู้อันไหนนรกอันไหนสวรรค์
แทนที่จะเบรกส.ส.ทำชั่ว แทนที่จะห้ามผู้แทนทำเลว แต่นี้อะไรจะผสมโรงเอากลับเขาด้วย หัวโขนมันมายาการกระทำเบื้องหน้าสิของจริง ถ้ายังเห็นผิดเป็นชอบเห็นไม่รู้ชั่วดีถี่ห่างเป็นอย่างไร ระวังกฎหมายจะเอาผิดลงทัณฑ์ เห็นว่ามีคนจ่อจดชื่อส.ส.โดดร่ม ส.ว.รับงาน ล่าสุด สมชัย ศรีสุทธิยากร แกนนำพรรคเสรีรวมไทย เตรียมลงดาบถ้าทำผิดด้วยการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช. ฟันผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 หลายข้อเขียนไว้ชัดเจน ข้อ 8 สมาชิกและกรรมาธิการต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละโดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด ข้อ 14 สมาชิกและกรรมาธิการต้องอุทิศเวลาให้แก่การประชุม โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลาและต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่ในกรณีเจ็บป่วยหรือสุดวิสัย ข้อ 15 สมาชิกและกรรมาธิการต้องพิจารณากฎหมาย ญัตติ กระทู้ หรือเรื่องร้องทุกข์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมโดยเร็ว หาก ปปช.เห็นตรงกันและส่งศาลฎีกา ศาลรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากพิพากษาว่าผิด ต้องพ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี เอากับสมชัยสิ ทำเป็นเล่นขาดประชุมพรุ่งนี้ อนาคตอาจดับวูบกล้าแลกไหม
ก่อนจบปิดท้ายในวันนี้ขอเอาผลลงมติ มาตรา 7 ร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. ที่สมชัย เอามาตีแผ่ประจานในเฟซบุ๊คว่าส.ส.พรรคไหน สมคบคิดทำชั่วช้ากันยังไง ลากกฎหมายกันตั้งแต่เช้ายัน 5 โมงเย็นได้แค่ 7 มาตรา เพราะต้องการเผาเวลาประชุมร่วมรัฐสภาไม่ให้มีเวลาไปถึงกฎหมายลูก ฝ่ายลากกฎหมายประกอบด้วย 1. พรรคเพื่อไทย 132 คน ลงมติ 14 ขาด 118 หรือคิดเป็นร้อยละ 89.39 2. พรรคเศรษฐกิจไทย 16 คน ลงมติ 3 คน ขาด 13 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 81.25 3. พรรคพลังประชารัฐ 97 คน ลงมติ 20 คน ขาด 77 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 79.38 4. พรรคเพื่อชาติ 5 คน ลงมติ 0 คน ขาด 5 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ส่วนพรรคที่ต้องได้รับคำชม ผู้แทนที่ควรค่าการปรบมือ คือ 1. พลังท้องถิ่นไท 5 คน ลงมติ 5 คน 2. พรรคภูมิใจไทย 62 คน ลงมติ 56 คน ขาด 6 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 9.68 3. พรรคประชาธิปัตย์ 52 คน ลงมติ 39 ขาด 13 หรือคิดเป็นร้อยละ 25.00 4. พรรคก้าวไกล 51 คน ลงมติ 38 ขาด 13 หรือคิดเป็นร้อยละ 25.49 5. พรรคประชาชาติ 7 คน ลงมติ 5 คน ขาด 2 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 28.57 6. พรรคเสรีรวมไทย 10 คน ลงมติ 7 คน ขาด 3 คน คิดเป็นร้อยละ 30 ส่วนสมาชิกวุฒิสภา มี 250 คน ลงมติ 150 คน ขาด 100 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ไม่ต้องบอกว่าฝ่าย 150 คือส.ว.น้ำดีสายบิ๊กตู่ ส่วนอีก 100 คน นั้นเป็นส.ว.ฝ่ายการเมืองก๊วนบิ๊กป้อม 10 ส.ค.2565 ลองเทียบดูว่าเป็นตามโมเดลนี้ไหม พรุ่งนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นใคร ใครทำหน้าที่คุ้มภาษีชาวบ้าน หรือใครจะเป็นนั่งร้านนักการเมือง
////////////////