10 ส.ค.2565 ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของการชี้ขาดว่าที่สุดแล้วกฎหมายลูกที่เป็นหัวใจสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า คือ การคิดสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งอยู่ใน ม.23 ของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ. ….จะไปจบที่ไหนระหว่างสูตรหาร 500 หรือ สูตรหาร 100 ที่ชั่วโมงนี้ชัดเจนว่า ฝ่ายที่สนับสนุนสูตรหาร 500 คือฝ่ายที่หนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้เป็นนายกฯต่อ เพราะมั่นใจว่าการคิดสูตรนี้จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง และเป็นไม้เด็ดที่จะหยุดแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยเบรกฝ่ายทักษิณไม่ให้ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ส่วนฝ่ายที่ชูสูตรหาร 100 ก็เป็นฝากฝั่งของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยืนกรานสูตรหาร 100 มาตั้งแต่ต้น
ความจริงเรื่องการคิดสูตรคำนวณหาร 500 หรือ หาร 100 แรกเริ่มเดิมทีนั้นหลายคนก็คิดว่าอาจเป็นแค่ความเห็นขัดแย้งกันระหว่างพรรคการเมือง เพราะสูตรหาร 100 นั้นทำให้พรรคการเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียง มีฐานคะแนนพรรค มีหัวคะแนน มีอายุพรรคยาวนาน มีสมาชิกหรือแฟนคลับพรรคนั้นจะได้เปรียบเป็นอย่างมาก ขณะที่พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กโอกาสที่จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อจากสูตรหาร 100 นั้นยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะเคยมีการคิดคร่าวๆว่า ต้องได้คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ 350,000 – 400,000 คะแนนถึงจะได้ส.ส. 1 คน เพราะฉะนั้นถ้าใช้สูตรนี้พรรคเล็กสูญพันธุ์หมด ต่างจากสูตรหาร 500 มีเพดานส.ส.พึงมี ตรงนี้จะใช้คะแนนคำนวณส.ส.ราว 75,000 -150,000 คะแนนเท่านั้น ซึ่งพรรคเล็กพรรคใหม่พรรคขนาดกลางมีโอกาสลุ้น ที่สำคัญการมีเพดานพึงมีจะทำให้พรรคใหญ่ที่ได้ส.ส.เขตมาก จะได้คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลง ตรงนี้แหละที่เป็นทีเด็ดของสูตรหาร 500 ที่จะไปเบรกพรรคเพื่อไทยไม่ให้ได้ส.ส.แบบท่วมท้น พูดง่ายๆคือการหยุดแลนด์สไลด์ฝ่ายทักษิณนั้นแหละ เพราะฉะนั้นช่วงแรกพรรคฝ่ายรัฐบาลเลยคิดว่าต้องเอาสูตรหาร 500 เพื่อจะได้หยุดพรรคเพื่อไทย แต่ภายหลังพอพรรคร่วมรัฐบาลมาคิดไตร่ตรองอีกทีจึงเห็นว่าสูตรหาร 500 แม้จะหยุดพรรคเพื่อไทยได้สำเร็จเบรกทักษิณได้อยู่หมัด แต่มันก็ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่พรรคพลังประชารัฐ จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลงหรือไม่ได้เลย พอสูตรหาร 500 มันเข้าเนื้อมันอาจต้องเฉือนประโยชน์ของตัวเองด้วย ตรงนี้แหละที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยากเปลี่ยนใจกลับสูตรจากหาร 500 ไปหาร 100
ตอนแรกๆ ความขัดแย้งเรื่องสูตรหาร 500 หรือสูตรหาร 100 ก็เป็นประมาณนี้ เป็นแค่ความหวาดหวั่นของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาสูตรไหนดี ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดได้ส.ส.ในการเลือกตั้งคราวหน้ามากสุด แต่ภายหลังเรื่องสูตรคำนวณส.ส. ถูกหยิบมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพิฆาตพล.อ.ประยุทธ์ล้มนายกฯให้ได้ อย่าลืมว่าการดันให้ใช้สูตรหาร 100 มันเข้าทางพรรคเพื่อไทยเข้าตีนทักษิณแบบเต็มๆ ใครๆก็ดูออกแต่พล.อ.ประวิตรก็ยังเดินหน้าให้ใช้สูตรนี้ในการเลือกตั้ง คิดได้อย่างเดียวต้องการล้มนายกฯหักกับน้องรักแน่นอน ความจริงพฤติการณ์ของพล.องประวิตรก่อนหน้านี้ก็ให้ท้ายฝ่ายตรงข้าม ปันใจจากบิ๊กตู่มานานแล้วตั้งแต่สมัยรับ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าไปเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นปั้นให้เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นก็ให้ท้ายผู้กองป่วนนายกฯแซะบิ๊กตู่ไม่หยุด หลายครั้งหลายเหตุการณ์ก็ชัดเจนว่าพล.อ.ประวิตรเอาใจออกห่างพล.อ.ประยุทธ์มานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาทำแบบ “ลักปิดลักเปิด” เพราะกลัวสังคมประณามกลัวคนจะรับไม่ได้ เพราะขนาดพี่น้องกันแท้ๆยังหักหลังทรยศกันเอง “ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์” วันนี้มีแค่ชื่อแต่น้ำใสใจจริงไม่มีให้กันอีกต่อไป เพราะพี่ใหญ่ 3 ป. ที่เคยยิ่งใหญ่น่านับถือในอดีต แต่วันนี้บอกได้เลยว่าหน้าไหว้หลักหลอก จะด่าไอ้ห้อยไอ้โหน 2 คนที่อยู่ข้างกายก็ว่าได้ คนหนึ่งคือนายทหารใหญ่เป็นเพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 6 (ตท.6) อีกคนเป็นอดีตนายตำรวจชื่อดังคับกรมปทุมวัน ซ้ายขวาหาแดกมาตลอดทุกวงการ ทั้งในกองทัพ ทั้งกรมตำรวจ หาผลประโยชน์จากบารมีพี่ใหญ่มามากมายใครก็รู้ แต่วันนี้ 2 สีข้างกายคิดการใหญ่ หวังดันพล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ ผงาดมีชื่อเป็นนายกฯประเทศไทย
อายุก็ไม่น้อยร่างกายก็ไม่ไหวแต่ฝ่ายสมุนลูกขุนพลอยพยักก็ยังหวังจะดันลูกพี่ขึ้นเป็นนายกฯให้ได้ ก่อนหน้านี้ก็วางแผนพยายามล้มพล.อ.ประยุทธ์คว่ำนายกฯมานับครั้งไม่ถ้วน ไปไล่ดูได้เลยตอนช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ปี 2564 ที่เปิดตำนานแจกกล้วย เรื่อยมาจนถึงซักฟอกปี 2565 ที่สั่งด้อยค่าทำให้คะแนนพล.อ.ประยุทธ์ได้น้อย วางยา “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 พี่เลิฟบิ๊กตู่ให้ส.ส.ก๊วนปากน้ำโหวตสวนไม่ไว้วางใจ ก่อนหน้านั้นก็คิดก่อการใหญ่ช่วงอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ด้วย ฯลฯ สารพัดรูปแบบวิธีการเลื่อยขาพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหน้าฉากทั้งหลังฉาก ถามว่าเรื่องที่กล่าวหาพล.อ.ประวิตรคิดการใหญ่ มีใบเสร็จมีหลักฐานมีข้อมูลคาหนังคาเขาไหม ถ้าท่านเป็นคอการเมืองหรือตามข่าวมานาน ไปดูได้เลยย่างก้าวของพล.อ.ประวิตรสมัยพล.อ.ประยุทธ์ เทอม 2 เปลี่ยนไปจริงๆ จากหน้ามือเป็นหลังตีน บิ๊กตู่เจออุปสรรคโดนขวางหนามมาหลายเรื่อง ลองไปสืบสาวราวเรื่องดูได้เลยส่วนใหญ่ที่มีปัญหามาจากสนิมฝ่ายตัวเองทั้งนั้น เจาะยางกันเองล้วนๆ
กฎหมายลูกที่วุ่นๆกันอยู่ตอนนี้ก็เพราะอยากเป็นใหญ่ กระสันอยากเป็นนายกฯนั้นแหละ คราวนี้รถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้วถ้าไม่ทุ่มตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปหาเวลาช่วงไหนที่สบโอกาสล้มบิ๊กตู่ดีกว่านี้อีกแล้ว เพราะจังหวะ เวลา โอกาส สิ่งแวดล้อม มันเอื้ออำนวยให้สุดๆ พล.อ.ประยุทธ์กำลังมีห่วงเรื่องตีความ 8 ปีนายกฯ แถมมีปัญหารุมเร้าสารพัด รอบนี้ออกตัวแรงสุดๆถึงขั้นมีดีลลับจับมือกับคนแดนไกล รวมพลังพรรคพลังประชารัฐจับมือพรรคเพื่อไทยผสมพันธุ์อำนาจ ระหว่างทุนนิยมสามานย์กับเผด็จการหาแดก รอบนี้ผลประโยชน์ตรงกันพอดี เรื่องนี้ไม่ได้กล่าวหารอยๆ เพราะมี 2 ผู้แทนต่างพรรคต่างอุดมการณ์ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง เรื่องแบบนี้ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ คนแรกที่ออกมาแฉเรื่องนี้คือ “เอลวิส สภา” ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อชาติ ออกมาเปิดโปงมีดีลลับของสองเผด็จการจากสองขั้ว ขั้วหนึ่งเป็นเผด็จการในรัฐสภา อีกขั้วเป็นเผด็จการใช้ปืนใช้รถถัง “ วันนี้ต้องสกัดพล.อ.ประวิตร ไม่ให้มานั่งเป็นนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของโจรชั่วปล้นกันซึ่งหน้ากลางสภา ต้องการทำให้สภาล่ม ถ้าล่มเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชน จะขอสาธุ แต่ถ้าล่มเพื่อประโยชน์พวกพ้องตัวเองหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ไม่เอาด้วย….วันนี้สองเผด็จการผสมพันธุ์กันกันเรียบร้อย บ้านเมืองเกิดอาเพศแล้ว” ศรัณย์วุฒิเหลาดีลลับระหว่างป้อมซังกับโทนี่
ผู้แทนอีกคนที่มายืนยันเรื่องดีลอุบาทว์นี้ ก็คือ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ยืนกรานมีกระแสข่าวดันพล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯจริงๆ แถมคิดวิธีการหาทางต่อบันไดขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไว้เรียบร้อยแล้ว ผ่านกระบวนการ “นายกฯคนนอก” เพราะมีฐานเสียงส.ส.-ส.ว.พร้อมอยู่แล้ว “ เท่าที่ทราบจากกระแสข่าวลือตอนนี้ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่มั่นใจ แต่หลายคนมองว่า น่าจะมีการเกี่ยวพันกับการตัดสินครบวาระ 8 ปี ของนายกฯ ซึ่งทุกคนมองว่า หากนายกฯ ถูกตัดสินว่าครบวาระ ตาม ม. 158 วรรค 4 จะทำให้นายกฯ คนต่อไปน่าจะเป็น นายอนุทิน ที่มีรายชื่ออยู่ในแคนดิเคตนายกฯ แต่น่าจะมีขบวนการล็อบบี้ไม่ให้นายอนุทิน ขึ้นดำรงตำแหน่ง เพราะการโหวตเลือกต้องใช้เสียง ส.ว. 250 เสียงด้วย หลังจากนั้นก็จะเป็นการเอานายกฯคนนอก เป็นก๊อก 2 ซึ่งตรงนี้เต็งหนึ่งน่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร แต่มีเงื่อนไขระบุอยู่ว่า การที่พล.อ.ประวิตร จะขึ้นเป็นนายกฯ ได้จะต้องใช้เสียงโหวตของฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย …ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ข่าวลือเขาระบุชัดว่า มีการฮั้วกันระหว่างคน 2 คน โดยประชาชนที่ติดตามข่าวน่าจะรู้ว่าหมายถึงใคร ว่าใครมีอิทธิพลบารมีมากพอที่จะไล่ ส.ส.และ ส.ว.กลับบ้านได้ และใครมีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นหาร 100 เพื่อแลกเปลี่ยนกัน ” นพ.ระวีออกมาแฉยามบ่ายพูดละเอียดชัดถึงวิธีการ เท็จจริงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ แต่ความจริงไม่เคยตายวันนึงความลับย่อมปรากฎ ทั้งหลายทั้งมวลคือขวนการหามพล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นนายกฯ จะเห็นได้ว่ามีการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ปิดทางเดินพล.อ.ประยุทธ์ทุกช่อง บั่นทอนเส้นทางบิ๊กตู่ให้แคบลงและตีบตัน ไม่ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่ต้องเชี่ยวชาญการเมืองแบบเซียนเหยียบเมฆ ดูการกระทำของพล.อ.ประวิตร ดูการเคลื่อนไหวของ “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” ชัดเจนแล้วชั่วโมงนี้ พี่ฆ่าน้อง พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูก “ฆาตกรรมทางการเมือง” โดยคนใกล้ชิดที่ตัวติดกันมาทั้งชีวิต รักกันจนวันตายแค่ลมปาก เพราะของจริงที่เห็นไม่เป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ
///////////////////