กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.เขาเขียว ประสานรถยกมาทำการ ลากจูงซากรถเก๋ง ที่ประสบอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งตกร่องกลาง บนถนนมอเตอร์เวย์กิโลเมตรที่ 105 + 700 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มาเก็บไว้ที่สถานที่เก็บรถของกลาง ส.ทล. เขาเขียว โดยที่ไม่ทราบว่า มีคนเจ็บอยู่ในรถกระผ่านไปประมาณ 12 ชั่วโมง จึง พบศพ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี ซึ่งคาดว่าได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว เสียชีวิตอยู่ภายในรถเก๋งคันดังกล่าว จึงให้เจ้าหน้าที่นำศพส่ง สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำการชันสูตร
ครอบครัวเข้ารับศพ หลังติดคาซากรถ ถูกปล่อยทิ้ง 12 ชั่วโมง ลูกสาวเชื่อพ่อไม่ตายทันที
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค.) ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพ เพื่อนำไปตั้งบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพ ยังภูมิลำเนา โดยทางญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่ประสงค์จะให้ข้อมูลกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบผลทางนิติวิทยาศาสตร์ และอยากจะรอผลในส่วนนี้ก่อน เพื่อจะได้ทราบช่วงเวลาที่เสียชีวิตอย่างแน่ชัด ส่วนประเด็นที่ก่อนหน้านี้บอกว่า ไม่ติดใจนั้น เนื่องจาก ได้รับการประสานแจ้งจากเจ่าหน้าที่ตำรวจว่า เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จนมาเอะใจในภายหลัง จึงได้ปรึกษาทนายความ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ทางแพทย์ ระบุว่า เกิดจากจากภาวะเลือดคลั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เนื่องจากขั้วหัวใจฉีกขาดปริแตก และกระดูกซี่โครงหัก ส่วนระยะเวลาการเสียชีวิต จะต้องรออีก 45 วัน เพื่อทราบผลชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ขณะได้รับแจ้งว่าพ่อเสียชีวิตในรถยนต์หลังถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่เก็บของกลาง ตำรวจทางหลวง หลังเกิดเหตุนานกว่า 12 ชั่วโมง ขณะนั้นยังไม่ติดใจ เนื่องจากตำรวจให้ดูกล้องวงจรปิด และแจ้งว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีคู่กรณี เป็นการขับรถยนต์เกิดอุบัติเหตุด้วยตนเอง แต่หลังทราบว่ามีกู้ภัยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนานกว่า 15 นาที แต่ไม่พบศพ จึงสงสัยว่า พ่อตนเองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หรือเสียชีวิตขณะที่รถยนต์ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีตำรวจ โดยไม่มีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน หลังจากนี้ จะเดินหน้าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ามีคนใดเกี่ยวข้องบ้าง
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อเอาผิดกับตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนในข้อหาอื่นๆ ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง นอกจากผลชันสูตรสาเหตุการตาย ยังสร้างความแคลงใจให้ลูกสาวซึ่งมองว่าไม่น่าทำให้พ่อของตนเองเสียชีวิตในทันที ซึ่งต้องรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งใน 45 วัน.
กระทั่งเวลา 12.30 น. ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เดินทางมาพบกับทางญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อจะให้ความช่วยเหลือในด้านคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง