“ทนายรณรงค์” โต้เดือด ตร.แถลงปมไม่พบคนเจ็บ รถชนแบริเออร์

"ทนายรณรงค์" โต้เดือด ตร.แถลงปมไม่พบคนเจ็บ รถชนแบริเออร์

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพุ่งลงร่องกลางถนน พลิกคว่ำบนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ซากรถออกจากจุดเกิดเหตุไปเก็บไว้ที่ลานเก็บรถของกลางกองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวงเขาเขียน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ นาน 12 ชั่วโมงก่อนจะพบศพนายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปีผู้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าวเสียชีวิตอยู่ภายในรถ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ต่อมาวันนี้ (12 ส.ค. 65) พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง นำทีมชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า วันเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนแบริเออร์บนถนนมอเตอร์เวย์สาย7 ขาออก ช่วง กม.105+700 จึงประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบัง ให้เดินทางไปตรวจสอบและช่วยเหลือ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทั้งหมดเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ ได้ร่วมกันตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และยืนยันว่า ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พบเพียงแต่เอกสารใบสั่งยาระบุชื่อ นายภัทรชัย อรรถพร จึงสันนิษฐานว่า ผู้ขับขี่อาจถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงเคลื่อนย้ายรถที่เกิดเหตุไปเก็บไว้ที่หน่วยสอบสวนเขาเขียวเมื่อเวลา 09.28 น. เพื่อดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้นล่าสุดวันนี้ (12 ส.ค. 65) นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง ออกมาตอบโต้การแถลงข่าวของตำรวจทางหลวงอย่างดุเดือด ว่า การที่แพทย์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ออกมายืนยันว่า คนขับรถมีโอกาสเสียชีวิตคาที่ 80 % เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากแพทย์คนอื่นยังไม่กล้าระบุชัดเจน ว่า คนขับเสียชีวิตคาที่หรือไม่ แสดงพฤติการณ์เหมือนช่วยตำรวจให้พ้นผิด ปัดความผิดออกไป อีกทั้งตนเองยังสงสัยว่า อะไรที่ทำให้แพทย์กล้าสรุปคนขับตายทันที ทั้งที่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้ชัดเจน

ส่วนกรณีที่ทางอาสาสมัครกู้ภัย ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่กล้าเข้าไปตรวจดูภายในรถ เนื่องจากเกรงว่า ทรัพย์สินจะสูญหาย นั้น ตนเองไม่ได้ติดใจการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครกู้ภัย แต่การแถลงข่าวในวันนี้เหมือนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจถือเป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ทำไมไม่สั่งให้อาสาสมัครกู้ภัยเปิดประตู เพื่อสำรวจภายในรถ เนื่องจากยังหาคนเจ็บไม่เจอ อีกทั้งถ้าอาสาสมัครกู้ภัย และตำรวจ มั่นใจว่า คนขับเสียชีวิตคาที่ แต่ทำไมไม่ยอมเปิดกล้องวงจรปิดตอนชนให้กับลูกสาวผู้เสียชีวิตดู ตอนที่ไปติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งสิ่งที่ตนเองกล่าวมาดูมีข้อพิรุธหลายอย่าง

ด้าน ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยภายหลังจากได้ฟังแถลงการณ์ของตำรวจทางหลวง ว่า ในเรื่องการเสียชีวิต จากที่ฟังจากหมอแล้ว หนูก็ขอยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า คุณพ่อคาดว่าจะเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ แต่ตนเองติดใจในเรื่องการค้นหาของกู้ภัย ว่า ควรจะมีการปรับเปลี่ยน หรือทบทวนมาตรการ กฎระเบียบ ในเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุใหม่ โดยเฉพาะการตรวจค้นให้รอบคอบมากกว่านี้ การมาคำนึงถึงการสูญหายของทรัพย์สินมากกว่าชีวิตคน คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

ส่วนกรณีอาสาสมัครกู้ภัย แจ้งว่า อาจจะมีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลแล้วนั้น แต่ในระยะเวลา 5 นาที ที่กู้ภัยไปถึงที่เกิดเหตุ ถ้ามีการช่วยเหลือจริง ทางอาสาสมัครกู้ภัยก็ต้องเห็นการช่วยเหลือหรือไม่ เพราะในระยะเวลา 5 นาที การช่วยเหลือน่าจะยังไม่เสร็จสิ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น