วันนี้ (14 ส.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านตะวันคุ้มใต้ หมู่ที่ 8 ตำบลสลักได อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่าประสบปัญหาความเดือดร้อนหนัก เพราะต้องทนทุกข์มานานกว่า 50 ปี ที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านเกิดปัญหาชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นระยะทางประมาณกว่า 2 กิโลเมตร ลำบากต่อการใช้สัญจร แถมมาเจอฝนตกซ้ำจนทำให้ถนนกลายเป็นบ่อโคลน นอกจากชาวบ้านเดือดร้อนในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้านแล้ว เด็กนักเรียนยังต้องขาดเรียนในบางวันที่ถนนเสียหายหนักจนไม่สามารถใช้เดินทางได้ ซึ่งร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานานและหลายครั้ง แต่ยังเป็นเหมือนเดิมไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ดังกล่าวพบชาวบ้านกว่า 30 คน รออยู่บริเวณถนนที่เละเป็นโคลนปากทางเข้าหมู่บ้าน พร้อมกับชี้ให้ดูถนนที่เละเป็นโคลนและเป็นหลุมลึก มีร่องรอยล้อของรถที่เคยติด ซึ่งเป็นถนนดินความกว้างประมาณ 7 เมตร ความยาวของถนนตามที่ชาวบ้านบอกเล่าประมาณ 3 กิโลเมตร ผ่านไปหลายหมู่บ้าน ส่วนถนนที่ที่ชาวบ้านสัญจรลำบากและเป็นโคลนตลอดสายประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งหมู่บ้านนี้เป็นเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์เพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร บางวันฝนตกจนรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ต้องเดินลุยโคลนเอา ถ้าเป็นหน้าแล้งก็จะมีแต่ฝุ่นคลุมไปทั่ว ชาวบ้านในหมู่บ้านกว่า 40 หลังคาเรือนต้องทนลำบากมานานนับ 50 ปี บางคนเกิดมาก็เห็นถนนที่เละเป็นโคลนแบบนี้มาเลย วิงวอนผ่านสื่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงมาแก้ไขช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นทุกข์จากความลำบากด้วย
โดยถนนดังกล่าว ยังมีป้ายโครงการติดตั้งไว้ ขององค์การบริหารส่วนตำบลสลักได เป็นโครงการซ่อมแซมถนนลงหินคลุกหมู่ที่ 5 หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 8 รวมทั้งสิ้น 8 จุด โดยวิธีเฉพาะเจาะจงในตำบลสลักได อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ก่อสร้างด้วยเงินภาษีท้องถิ่นจำนวน 1 1 1, 0 0 0 บาท ปีงบประมาณ 2565 อีกด้วย ซึ่งก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้
นางสาวจุฑารัตน์ ขอชัย อายุ 35 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ณ ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย เป็นแบบนี้มานานแล้วได้ร้องเรียนไปก็หลายครั้ง ถนนก็เละแบบนี้มานานแล้วแล้วก็เป็นถนนหลักของหมู่บ้านที่ใช้สัญจรไปมาเข้าหมู่บ้าน ท่อในตัวเมืองตัวจังหวัดก็ทางนี้ ซึ่งเป็นเขตของตัวอำเภอเมือง ซึ่งห่างจากตัวเมืองสุรินทร์เข้าไปในหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร ถึง 6 กิโลเมตร
นายอภิวัฒน์ ทองด้วง อายุ 29 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า เป็นถนนที่ขี้เหร่มากสัญจรเข้าออกก็ลำบาก ส่งลูกส่งหลานไปโรงเรียนก็ยาก อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในเขตนี้ช่วยเข้ามารับผิดชอบเข้ามาดูแลหน่อย เพราะว่าชาวบ้านสัญจรลำบากมาก ถ้าสัญจรไปอีกถนนหนึ่งต้องอ้อมไกลมาก และอีกอย่างถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นหลักทางเข้าออกของหมู่บ้าน ที่ใช้กันเป็นประจำ ถ้ามีรถใหญ่เข้าออกพ่อจะใช้รถไถลาก หรือไม่ก็จอดไว้ที่ถนนหลักข้างนอกและเดินทางเท้าเข้าไปในหมู่บ้านประมาณกว่า 1 กิโลเมตร เขตนี้เป็นเขตของอำเภอเมือง เส้นทางจากตัวเมืองสุรินทร์ไม่รวมทางเข้าหมู่บ้านประมาณ 2-3 กิโลเมตร นัดถนนเส้นนี้ห่างจากถนนทางหลวงหลัก เพียงแค่ 200 เมตร.
ภาพ/ข่าว นพรัตน์ กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์