แม้จะมีความพยายามอย่างยิ่งยวดจาก “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาในการเปิดประชุมรัฐสภานัดพิเศษในวันจันทร์ที่ 15 ส.ค.2565 เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ….ให้จบภายในเที่ยงคืนวันนี้ ก่อนจะถึงเดดไลน์ครบกำหนดการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ต้องพิจารณาวาระ 3 ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ตามรัฐธรรมนูญ ม.132 ไม่งั้นกฎหมายจะตกไป ซึ่งกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.จะครบกำหนด 180 วันในเที่ยงคืนวันนี้
แรกเริ่มเดิมทีมีความพยายามจะผลักดันกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.ให้เดินหน้าต่อ หมายทำคลอดสูตรหาร 500 ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ออกมาให้ได้ในวันที่ 10 ส.ค. 2565 ตอนนั้นแม้มีความพยายามอย่างแข็งขันจากส.ว.สาย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เข้าร่วมประชุมสภาอย่างพร้อมเพรียง โดยมีพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลที่เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 ก็เข้าร่วมเป็นองค์ประชุมในสภาเพื่อเดินหน้ากฎหมายลูกต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานับองค์ประชุมจริงๆ ฝ่ายยืนยันสูตรหาร 500 ก็พ่ายแพ้ให้กับฝ่ายยืนกรานสูตรหาร 100 ภายใต้การนำของส.ว.ฝ่าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีแกนนำส.ว.อย่าง “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” บิ๊กทหารตท. 6 เพื่อนซี้พี่ป้อม กับ สีกากีขาใหญ่ เจ้าของรหัส “ ป ที่ 4” เป็นตัวตั้งตัวตี ทั้งเดินจิกทั้งโทรไล่ส.ว. และ ส.ส.ให้กลับบ้าน เพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบ รวมถึงส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐที่เดินตามใบสั่งลุงป้อม รวมถึงแนวร่วมสูตรหาร 100 อย่างพรรคเพื่อไทยที่ได้ประโยชน์จากการกัดกันเองของพรรคร่วมรัฐบาลและความเห็นต่างของ “บิ๊กป้อมกับบิ๊กตู่” ไปแบบเต็มๆ
หลังการจับมือของ 3 ฝ่าย ทำให้สภาล่มองค์ประชุมไม่ครบไปได้สำเร็จเมื่อการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10 ส.ค. 2565 โดยอ้างเรื่องส.ส.ติดร่วมงาน “วันกำนันผู้ใหญ่บ้าน” ต้องลงพื้นที่ไปพบหัวคะแนนกับชาวบ้าน สภาสูงเห็นต่างเรื่องสูตรหาร 500 ว่าขัดรัฐธรรมนูญเลยไม่อยากให้ไปต่อ รวมถึงกรณีพรรคเพื่อไทยที่ตั้งใจให้องค์ประชุมไม่ครบเพื่อให้กฎหมายลูกพิจาณาไม่ทันและตกไปอยู่แล้ว เกิด “กระแส” สังคมโจมตีการทำหน้าที่ของส.ส.และส.ว.บางฝ่าย ที่ไม่ยอมทำหน้าที่ในสภา เสียดายภาษี เปลืองข้าวสุก สูญงบประมาณเป็นล้านๆ เพราะอุตส่าห์ประชุมกฎหมายลูกมาตั้งนาน ตั้งแต่ 17 ก.พ.2565 -15 ส.ค.2565 ครบ 180 วัน แต่บริหารจัดการกฎหมายไม่ได้ อย่างนี้ก็เข้าข่ายเปลืองภาษีของประชาชน ขณะที่ฝ่ายพรรคเล็กก็ยังดิ้นสู้สุดตัวถึงขนาดยื่นเรื่องขอให้ชวนเปิดประชุมสภานัดพิเศษอีกวันเพื่อหาทางออกเลือกนี้ ฝ่ายชวนก็รับลูก เพราะไม่อยากตกเป็น “ผู้ต้งหา” ใช้กลไกสภาทำลายกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.อยู่แล้ว ที่สุดหวยจึงมาออกในวันที่ 15 ส.ค. ที่มีการนัดประชุมรัฐสภาเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณากฎหมายลูกที่ค้างอยู่ใน ม. 24 ถึง ม.32 ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 24.00 น. ก่อนครบ 180 วัน ขณะที่ฝ่ายบิ๊กป้อมหลังถูกกระแสกดดันหนัก ถูกแซะถูกด่า เอาสภามาสนองความต้องการเรื่องสูตรหาร 100 ของตัวเอง ช่วงวันเกิดครบ 77 ปี 11 ส.ค.ที่ผ่านมาก็สั่งลูกพรรคพลังประชารัฐทุกคนให้เข้าประชุมในวันที่ 15 ส.ค.นี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ขณะที่ตัวนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล ออกมาให้ข่าวหนักแน่นไม่มีการใช้แทกติก “ล่มสภา” ให้ส.ส.โดดประชุมหรือมาแล้วไม่แสดงตัวเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบอย่างแน่นอน “ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ได้สั่งการให้ลูกพรรคเข้าร่วมประชุมรัฐสภา ที่จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 15 ส.ค.65 ซึ่งได้สั่งการไว้ตั้งแต่เมื่อวันเกิดของท่านที่ส.ส.ได้เข้าไปร่วมอวยพรวันเกิด และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์ส.ส.โดดสภาหรือยุทธการล่มสภาอย่างแน่นอน เพราะหัวหน้าพรรคพปชร.สั่งให้ไปเข้าร่วมประชุม” ประธานวิปสำทับ ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว คำพูดของนักการเมืองบางคนแทบเอาสระ หาความจริงไม่ได้เลย และสิ่งที่นิโรธพูดมาทั้งหมดก็ดูจะเป็นไปตามสำนวนนั้น เพราะพอถึงเวลาจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตาลปัตร ตรงข้ามกับที่ประธานวิปรัฐบาลให้ข่าวชนิดหนังคนละม้วน
ข่าวว่าก่อนถึงการโหวตมีเสียงโทรศัพท์สายสยองส่งถึงส.ส.พลังประชารัฐทุกคน ห้ามเข้าไปเป็นองค์ประชุมเด็ดขาดช่วงเช้าก่อนการประชุมนัดสุดท้าย 15 ส.ค.2565ขณะที่หลังประชุมร่วมรัฐสภาไปได้ชั่วโมงเศษ ท่ามกลางจำนวนส.ส.และส.ว.ที่หร่อมแร่มบางตา เพราะส่วนหนึ่งโดดประชุม อีกส่วนก็ตามพล.อ.ประวิตรไปตรวจสถานการณ์น้ำที่ จ.สระบุรี โดยมีส.ส.พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเล็กๆ ลาประชุมไปด้วย รอเป็นชั่วโมงผู้แทนยังบางตา ฝ่ายค้านก็เร่งเร้าให้จบๆนับองค์ประชุมไวไว ชนิดที่คุณชวนต้องยืดเวลาแล้วยืดเวลาอีกเพื่อรอให้องค์ประชุมครบ แต่ตำนานการเมืองเจ้าของฉายา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” มีหรืออ่านเกมส์ไม่ออก เห็นแววสมาชิกในสภานั่งกันหลวมๆ ดูทรงจากหัวส.ส.และส.ว.ที่มีแล้ว ยังไงกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. สูตรหาร 500 ก็คงไม่รอด ไปต่อไม่ไหว เดินต่อไม่ได้ สุดทางที่จะรักษาทำคลอดแล้ว หลังพยายามยื้อเวลาจนสุดทางแล้ว ที่สุดชวนก็ต้องสั่งเจ้าหน้าที่ให้นับองค์ประชุม ความจริงทุกอย่างก็ปรากฎ “ ขณะนี้อยู่ในช่วงการตรวจสอบองค์ประชุม หากไม่สามารถพิจารณร่างกฎหมายได้ทัน 180 วัน ถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่เสนอมาโดยครม. ในวาระ 1 ตอนนี้มีผู้มาลงชื่อ 353 คน ไม่ครบองค์ประชุม จึงขอปิดประชุมในเวลา 10.28 น. ทั้งนี้ถือว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.พิจารณาไม่ทันตามกรอบเวลา 180 วัน ทำให้จะต้องกลับไปใช้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ฉบับครม. ที่ใช้สูตรหาร 100” เรียบร้อยโรงเรียนป้อมเข้าทางฝ่ายทักษิณ
ในที่สุดพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และ ส.ว.สายพล.อ.ประวิตร อำนาจการเมือง 3 ฝ่ายใหญ่ๆ โดยการสนับสนุนของพรรคเศรษฐกิจไทย พรรคเล็กบางส่วน ก็ผนึกกำลังทำแท้งสูตรหาร 500 ถอยหลังกลับไปใช้สูตรหาร 100 ได้สำเร็จ ส่องรายชื่อส.ส.แต่ละพรรคที่โดดประชุมสภา สุดอนาถรับใบสั่งขายตัวเกือบยกพรรค พลังประชารัฐ มีผู้ไม่มาแสดงตน 88 คน จากส.ส.ทั้งหมด 97 คน สำหรับ 9 คน อาทิ กษิติ์เดช ชุติมันต์, จักรพันธ์ พรนิมิตร, น.ส.ฐิริภัสร์ โชติเชาชัยนันต์?, พรัย ตระกูลวรานนท์, นิโรธ สุนทรเลขา, ประสิทธิ์ มะหะหมัด, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ และ น.ส.วทันยา บุญนาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น พรรคเศรษฐกิจไทย แสดงตน 3 คน ไม่แสดงตน 13 คน พรรคเล็กส่วนใหญ๋ไม่มาแสดงตน มีโผล่มาแสดงสปิริต 5 คน คือ ปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลเมืองไทย, นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังชาติไทย , คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติไทย และ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ส่วนส.ว. 249 คน มาแสดงตน 150 คน ไม่แสดงตน 99 คน ส่วนใหญ่ก็สายลุงป้อม อาทิ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.สิงห์ศึกดิ์ สิงห์ไพร, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร, นายวันชัย สอนศิริ, พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ, นายมหรรณพ เดชวิทักษ์, พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็ต้องชื่นชมพรรคภูมิใจไทยมาเกือบยกพรรค หายไป 3 คน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล , ชาดา ไทยเศรษฐ์, บุญลือ ประเสริฐโสภาพรรคประชาธิปัตย์มาเกือบครบ หายไป 10 คน ประกอบด้วย กนก วงษ์ตระหง่าน, เดชอิศม์ ขาวทอง , น.ส.สุภาพร กำเนิดผล, น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล, น.ส.วชิราภรร์ กาญจนะ, วิวรรธน์ นิลวัชรมณี, ไชยยศ จิรเมธากร, นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์, สาคร เกี่ยวข้อง , นราพัฒน์ แก้วทอง และ ส.ว.สายพล.อ.ประยุทธ์ อีก 150 คน ที่ดำรงค์ความมุ่งหมายสกัดแลนด์สไลด์หยุดฝ่ายทักษิณไว้อย่างสุดพลังเต็มความสามารถแล้ว แต่ยอมรับว่าเสียงที่มีรวมกันแค่ 353 คน จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 727 คน ไม่เกินกึ่งหนึ่งมันไม่พอที่จะทำคลอดสูตรหาร 500 ให้กลับมาเดินได้จริงๆ เพราะเกิด “ทฤษฎีสมคบคิดทางการเมือง” ระหว่าง 3 ขั้วการเมือง วันนี้ชัดเจนแล้วว่าร่างกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. ต้องกลับไปใช้สูตรหาร 100 ฉบับครม. พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็กเสียเปรียบ ถึงขั้นสูญพันธุ์ทางการเมือง การเมืองถูกเขย่าอีกครั้ง ปลายทางยังไม่รู้ว่าจะออกลูกผีลูกคน แต่บวกลบคูณหาร 180 วัน “ชักเข้าชักออก” กฎหมายลูก รัฐบาลมีแต่เสียพลังประชารัฐมีแต่ถูกทำลาย ตกเป็นแพะรับบาปทั้งขึ้นทั้งร่อง เพราะไม่คิดให้ตกผลึกไม่คุยกันให้ดี กลับไปกลับมากฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. มีแต่เสียกับเสีย จากสูตรหาร 100 ในชั้นกมธ.วิสามัญฯ กลับมาเป็นสูตรหาร 500 ในการพิจารณาวาระ 2 แล้วก็มาปล่อยให้กฎหมายตกไปใน 180 วัน จนต้องกลับไปใช้กฎหมายลูกฉบับครม.ที่เสนอโดยครม. ที่ร่างโดยกกต.อีก
ถ้าแกนนำรัฐบาลไม่บ้าสุดๆ ก็ต้องโง่บรรลัย เพราะเอาสภาอันศักดิ์สิทธิ์มาทำเป็นของเล่น พิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งยังวุ่นวายขายปลาช่อนกันขนาดนี้ เสียเวลาไปมากมายขนาดไหน เสียงบประมาณไปตั้งเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้อย่าคิดว่าคนไทยลืม อย่าคิดว่าทุกอย่างจะหายวับไปกลับตา ทำการเมืองแบบล้อเล่นเอาเวลาใช้ภาษีประชาชนแบบอุบาทว์หน้าด้าน ระวังคนไทยจะให้บทเรียนราคาแพงกับพรรคพลังประชารัฐ ลำพังคะแนนพรรคก็ร่อแร่ ความเชื่อมั่นก็หดหาย พล.อ.ประวิตรก็ใช่จะขายออก ตราพรรคก็ใช่ว่าจะขายได้ มาทำแท้งกฎหมายลูกด้วยวิธีหนีสภาเข้าประชุมแต่ไม่ยอมลงชื่อ เอาใจนายป้อมเดินตามใบสั่งไอ้ห้อยไอ้โหนด้อยค่าสภาศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องล้อเล่น ระวังจะไม่ได้กลับมายืนในสภา 97 ส.ส.พลังประชารัฐ กับ ส.ว.สายลุงป้อม ที่ทำแท้งสูตรหาร 500 รู้หรือไม่ว่ากลายเป็นแนวร่วมมุมกลับในการหนุนพรรคเพื่อไทยออกวีซ่าให้ทักษิณแล้ว โดดร่มหนีสภาจงใจให้สูตรหาร 500 แท้งจนสำเร็จ เรื่องนี้จะเป็นตราบาปติดตัวไปจนตาย ว่าเป็นคนช่วยแม้วกลับบ้านทางอ้อม
/////////////////////