"ฝีดาษลิง" + โควิด BA.5.1 + HIV-1 ผู้ป่วยในอิตาลี เคสแรกโลก เปิดไทม์ไลน์ ประวัติเดินทาง อาการนำ ผู้เชี่ยวชาญตอบชัด ผสมกันเป็นไวรัสตัวใหม่ได้หรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ
วารสารวิชาการ Journal of Infection ได้รายงานเคสของผู้ป่วย ฝีดาษลิง รายหนึ่งที่มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศสเปน โดยขณะที่อยู่ที่นั่นได้มีกิจกรรมทางเพศแบบชายรักชาย แบบไม่ป้องกัน 9 วัน หลังเดินทางกลับเริ่มมี อาการนำ ประกอบด้วย
- ไข้
- อ่อนเพลีย
- เจ็บคอ
- ปวดศีรษะ
- ต่อมน้ำเหลืองโต
3 วันหลังอาการนำ
- เริ่มมีผื่นแดงขึ้นที่ผิวหนัง
ในวันเดียวกันตรวจ ATK
- พบเชื้อ SARS-CoV-2
หลังจากนั้น 3 วัน ผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
- วันที่ admit ตุ่มหนองบนร่างกายบริเวณ แขน ลำตัว ฝ่ามือ นิ้ว ขา สะโพกปรากฏชัดมาก
“1 วันหลังจากนั้น ผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการที่โรงพยาบาล ยืนยันว่า ผู้ป่วยรายนี้มีเชื้อฝีดาษ ลิง สายพันธุ์ที่ระบาดในสเปน และมีไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ BA.5.1 นอกจากนั้นยังมีเชื้อ HIV-1 อยู่ในร่างกาย (234,000 copies/mL) ด้วย เนื่องจากปริมาณเม็ดเลือดขาว CD4 ของผู้ป่วยรายนี้ยังอยู่ในระดับปกติ (812 cells/μL) ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ผู้ป่วยรับเชื้อ HIV มาก่อนหน้านี้ไม่นาน และไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้ออยู่ (ครั้งสุดท้ายที่ตรวจคือเดือนกันยายนปีที่แล้วและได้ผลลบ)”
ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล 6 วัน ผลตรวจยังพบออกมาเป็นบวก ทั้ง ฝีดาษ ลิง และ โควิด แต่อาการป่วยทุเลาลงมากแล้ว เหลือแต่อาการทางผิวหนังที่ยังอยู่ในช่วงกำลังจะเริ่มตกสะเก็ด หมอจึงให้ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน หลังจากนั้น 2 วัน ผล ATK ที่ตรวจที่บ้านก็เป็นลบ แต่ตุ่มหนองยังพบได้อยู่ 8 วันหลังจากมาอยู่ที่บ้าน ตุ่มหนองแทบจะตกสะเก็ดหมดแล้ว (รูป H) คุณหมอนัดให้มาตรวจอีกครั้ง โดยตรวจจากตัวอย่างจากคอ ผลตรวจพบว่า ผู้ป่วยยังคงเป็นบวกต่อไวรัสฝีดาษ ลิง อยู่ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าตัวอย่างที่ตรวจสามารถนำไปเพาะเชื้อต่อขึ้นหรือไม่ รวมเวลาที่นับจากวันที่กลับจากสเปนถึงวันที่ที่ตรวจครั้งสุดท้ายคือ 29 วัน
ผู้ป่วยรายนี้มีประวัติฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว พอต้นปีเขาติดโควิด ซึ่งน่าจะเป็นสายพันธุ์ BA.1 การติดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ด้วยสายพันธุ์ BA.5.1 ซึ่งอาจจะหนีภูมิจาก BA.1 ได้ดี และ ภูมิได้รับมามากกว่า 6 เดือนแล้ว จากรายงานที่พบ ATK เป็นบวกในเวลาใกล้ ๆ กับที่มีผื่นขึ้น อนุมานได้ว่าผู้ป่วยรายนี้น่าจะได้รับเชื้อฝีดาษ ลิง มาก่อน และได้รับเชื้อ SARS-CoV-2 มาในช่วงระยะฟักตัวของฝีดาษ ลิง เนื่องจากโควิดมีระยะฟักตัวที่สั้นกว่า อาการนำอะไรต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน จนแยกไม่ออกว่าอาการที่เห็นมาเป็นผลมาจากเชื้อไหนกันแน่
“สำหรับผู้ที่อาจสงสัยว่าโควิดกับฝีดาษ ลิง จะผสมกันเป็นไวรัสตัวใหม่ได้หรือไม่ ต้องตอบว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ โควิดเป็นไวรัสที่มี RNA เป็นสารพันธุกรรม แต่ ฝีดาษ ลิง เป็น DNA ดังนั้น ไวรัสสองชนิดนี้คุยกันไม่รู้เรื่องครับ” ดร. อนันต์ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง