หนังสือพิมพ์วอล สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ผลผลิตกาแฟที่ลดลงในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาจทำให้ราคากาแฟทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากปีนี้บราซิลยังคงมีผลผลิตในปริมาณต่ำ สืบเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงต้นทุนปุ๋ย และพลังงานที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว บราซิลประสบกับภัยแล้งและปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง ทำให้ราคากาแฟพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ 2.59 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และราคายังคงอยู่ในระดับสูงตลอดมา ส่งผลให้ราคากาแฟในปีนี้แพงกว่าปีที่แล้วถึง 18.06 เปอร์เซ็นต์ โดยปัจจุบันราคากาแฟยังคงอยู่ที่ประมาณ 2.23 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และหากเป็นตามคาด ราคากาแฟจะยังพุ่งสูงขึ้นไปอีก
นอกจากบราซิลแล้ว การปลูกกาแฟในโคลัมเบีย ประเทศผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่อีกรายหนึ่งของโลก ก็ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ชื้นกว่าปกติเช่นกัน ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ผลผลิตกาแฟในพื้นที่บางแห่งของโคลัมเบียในปีนี้จะลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ตามรายงานขององค์การกาแฟนานาชาติในเดือนกรกฎาคม การบริโภคกาแฟทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นและแซงหน้าการผลิตภายในสิ้นปีนี้ ปัจจัยเหล่านี้ เมื่อรวมกับผลผลิตที่ลดลง อาจทำให้ราคากาแฟทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็น