RT และนิวส์วีค รายงานโดยอ้างนิตยสารทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยคาทาเนีย ของอิตาลีที่ตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เผยว่าคณะนักวิทยาศาสตร์ได้พบผู้ป่วยเคสหายาก เป็นชายชาวอิตาลีวัย 36 ปีซึ่งเริ่มมีอาการไข้, ตามด้วยเจ็บคอ ปวดหัวและอ่อนเพลีย หลังเดินทางกลับจากสเปนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยชายดังกล่าวได้ใช้เวลาอยู่ที่สเปน 5 วัน เขาจึงได้เข้ารับตรวจสอบโควิดและพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด 19
แต่หลังจากนั้น หนุ่มอิตาลีก็มีผื่นขึ้นตามแขนซ้าย ตามด้วยตุ่มน้ำใสขึ้นทั่วร่างกาย และมีอาการเจ็บปวด จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ของมหาวิทยาลัยคาทาเนียทันที โดยยอมรับว่าได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยกับชายหลายคนที่สเปน หลังจากตรวจจึงพบว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ทำให้แพทย์ตัดสินใจส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจหาโรคติดต่อทางเพศส้มพันธ์อื่นๆด้วย ทั้งเริม, หนองใน, ไวรัสตับอักเสบและต่อมน้ำเหลืองอับเสบ ปรากฎว่าสิ่งที่พบคือเชื้อ HIV ซึ่งถือเป็นเคสแรกของโลกที่ติดเชื้อไวรัสทั้ง 3 โรคในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าแม้จะติดไวรัสอันตรายทั้ง 3 ไวรัสพร้อมๆกัน แต่ผู้ป่วยกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยตุ่มใสจากฝีดาษลิงหายไปในเวลา 10 วัน ทั้งนี้ผู้ป่วยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 2 โดสและเคยติดโควิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน
ทั้งนี้คณะแพทย์อิตาลีได้เตือนในบทความดังกล่าวเพื่อให้แพทย์ทั่วโลกตระหนักว่าผู้ป่วยสามารถติดเชื้อไวรัสเหล่านี้พร้อมๆกันได้ พร้อมแนะนำว่าให้ตรวจภูมิหลังและประวัติการเดินทาง และหากพบเชื้อฝีดาษลิงก็แนะนำให้ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด