รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ เสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” เอาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลฯ ว่า ถือเป็นการดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และเชื่อว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในระยะสั้นเนื่องจากระยะเวลาเพียง 1 เดือนตามคาดการณ์ของศาลที่จะมีคำวินิจฉัย รัฐบาลยังคงดำเนินการได้ตามปกติ โดยคณะรัฐมนตรีก็ยังประชุมและบริหารประเทศได้ ขณะเดียวกัน ทิศทางการบริหารประเทศ นับจากนี้ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 รักษาการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่า คงจะยังไม่มีการออกนโยบายใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก
“ธนวรรธน์” มอง นายกรัฐมนตรีหยุดปฎิบัติงานตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ กระทบเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้ จับตาผลการวินิฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังโตได้ถึงร้อยละ 3.3.5
ข่าวที่น่าสนใจ
รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวอีกว่าในส่วนของภาคการส่งออกสินค้าไทยยังเติบโตไม่มีผู้ส่งออกรายใดแจ้งว่าการส่งออกลดลงแม้แต่รายเดียว ทำให้เชื่อว่าทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยจะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโต โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 จะเป็นบวกได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3-3.5
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอีก 1 เดือนข้างหน้าหากผลของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฎิบัติหน้าที่ ในขั้นตอนต่อไป การสรรหานายกรัฐมนตรี จะต้องติดตามว่าใครจะได้รับการพิจารณาและได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งหากมีการปรับ ครม.ก็ต้องดูว่าทีมเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีหรือไม่ ซึ่งหากเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และที่สำคัญหากไม่มีการชุมนุมของกลุ่มการเมืองก็จะทำให้การท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงครึ่งหลังปีจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง