“รศ.หริรักษ์” คาดผลวินิจฉัย 8 ปีนายกฯ ไม่เป็นตามฝ่ายแค้นโหม

"รศ.หริรักษ์" คาดผลวินิจฉัย 8 ปีนายกฯ ไม่เป็นตามฝ่ายแค้นโหม

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุีก ว่า ไม่ได้ผิดจากความคาดหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้พิจารณาด้วยมติ 9-0 และให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าจะมีผลการวินิจฉัยออกมาด้วยมติ 5-4 ในขณะที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านยังถล่มไม่หยุด ยังคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นายกประยุทธ์ต้องไปอย่างเดียว กระทั่งเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมก็โจมตีว่าเป็นไม่ได้เพราะไม่สง่างาม

ความจริงคนที่มีสมองในระดับที่สอบเข้าและเรียนจบแพทย์มาได้ ต้องมองออกอยู่แล้วว่า รัฐธรรมนูญเขียนไม่ได้เขียนไว้ชัดอย่างที่กล่าวอ้าง รัฐธรรมนูญบอกว่า ” นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง”

นั่นหมายความว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินกว่า 8 ปี ไม่ได้ แม้จะดำรงตำแหน่งมาแล้วเว้นจากการดำรงตำแหน่งไประยะหนึ่ง เช่น ดำรงตำแหน่งครบ 1 วาระ จากนั้นเว้น 1 วาระ เมื่อกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่อีก ก็ไม่ให้เริ่มนับ 1 ใหม่ แต่ให้นับต่อเนื่อง โดยรวมกันแล้วจะเกินกว่า 8 ปีไม่ได้

รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ว่า ให้มีผลบังคับย้อนหลังไปหรือไม่ แต่โดยหลักแล้วกฎหมายจะมีผลบังคับย้อนหลังที่เป็นโทษต่อบุคคลไม่ได้ แต่บรรดาส.ส.ฝ่ายค้าน นักวิชาการที่ไม่เอารัฐบาล ดูเหมือนยืนกระต่ายขาเดียวกันหมดว่า ต้องให้มีผลย้อนหลังไปก่อนที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ ดังนั้นนายกฯต้องไปสถานเดียว แต่ความเป็นจริงจะต้องมีการตีความว่า จะสามารถให้มีผลย้อนหลังได้หรือไม่

ข่าวที่น่าสนใจ

มีบางคนไปนำเอากรณีคุณ สิระ เจนจาคะ มาเทียบเคียง คุณสิระถูกร้องว่าเคยต้องโทษคดีฉ้อโกง อันเป็นคุณสมบัติต้องห้ามสำหรับตำแหน่ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้คุณสิระพ้นจากตำแหน่งส.ส. ไม่ใช่ตั้งแต่วันที่ถูกร้อง แต่ให้ย้อนหลังไปถึงวันที่ได้ตำแหน่งส.ส. ซึ่งเท่ากับว่า คุณสิระไม่เคยเป็นส.ส.มาเลยนั่นเอง แต่กรณีคุณสิระ ไม่ได้เป็นการใช้กฎหมายบังคับย้อนหลัง เพราะในวันที่คุณสิระสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งส.ส. คุณสิระขาดคุณสมบัติที่จะเป็นส.ส.แล้วตามรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังบังคับใช้ขณะนั้น ซึ่งก็เป็นฉบับเดียวกับฉบับปัจจุบัน ดังนั้นกรณีของคุณสิระจึงเป็นคนละกรณีกับพลเอก ประยุทธ์ซึ่งนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง

เป็นไปไม่ได้ว่า จะไม่มีใครมองออกว่า การตีความมีความเป็นไปได้ 3 ทางอย่างที่มีการวิเคราะห์กัน แต่ที่ฝ่ายค้านทั้งหลายดึงดันว่าต้องออกสถานเดียว ก็เพื่อจะสร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่ไม่ต้องการหรือไม่มีเวลาอ่านกฎหมาย หรือสาวกที่พร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่บอกโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและข้อกฎหมาย ทำให้ความเชื่อแบบนี้เกิดขึ้นในวงกว้าง เพื่อสร้างบรรยากาศเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ม็อบทั้งหลายที่พยายามก่อขึ้นในช่วงนี้กลับจุดไม่ติด ไม่ว่าจะกลุ่มใด จัดที่ไหน ล้วนมีคนมาร่วมโหรงเหรงหร็อมแหรมทั้งสิ้น ทั้งยังจัดพิธีกรรมสาปแช่งที่ไร้สาระ พวกทะลุแก๊สก็ยังไม่วายป่วนเมือง ณ จุดเดิมคือสามเหลี่ยมดินแดง แต่ก็มีคนเพียงหยิบมือเดียว ไม่มีพลังใดๆทั้งสิ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คงไม่ใช่เป็นเพราะประชาชนที่ไม่ชอบพลเอก ประยุทธ์เกิดเปลี่ยนใจ หรือเห็นใจท่านขึ้นมาอย่างกระทันหัน แต่คงเป็นเพราะประชาชนที่มีความคิดเขาเบื่อหน่ายความไร้สาระของม็อบ และเขาไม่รู้ว่าจะไปร่วมชุมนุมเพื่ออะไร สู้รอดูผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดีกว่า

การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียงข้างมากให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรีได้พ้นจากตำแหน่งแล้ว และที่มติออกมา 5-4 แสดงว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นแตกต่างกัน ดังนั้นถึงเวลาลงมติ คะแนนเสียงก็คงจะไม่เป็นเอกฉันท์ค่อนข้างแน่

ขณะนี้ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่า ผลการวินิจฉัยจะออกมาในแนวทางใดใน 3 แนวทาง แต่คาดได้เพียงว่าผลการวินิจฉัยจะไม่ออกมาอย่างที่ “ฝ่ายแค้น” ออกมาประโคมโหมกันทุกวัน เพราะนั่นไม่ใช่เป็นการประโคมโดยปราศจากอคติ แต่เป็นการตั้งใจไม่ใช้เหตุผลและข้อกฎหมาย แต่เอาผลลัพท์ที่ตัวเองต้องการเป็นตัวตั้ง แล้วทำให้ผู้อื่นเชื่อตาม ดังนั้นจึงจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยันค่าไฟไม่ได้เพิ่ม แต่ลดลงเหลือ 3.99 บ.ต่อหน่วย
โค้งสุดท้าย "พิพัฒน์" นำทีมภูมิใจไทย เคาะประตูบ้าน ชาวเมืองคอน ขอเสียงหนุน "ไสว" เป็นสส.เขต 8
ชาวเมืองน่าน เข้าพบ "นิพนธ์" อดีตรมช.มหาดไทย ผลักดันพิสูจน์สิทธิ ออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยนานกว่า 30 ปี
"สันติสุข" ปลื้มปริ่ม "ในหลวง-พระราชินี" ทรงขับเครื่องบิน เสด็จฯเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ สุดประทับใจคนไทย
“ทักษิณ” ลั่นไม่สั่งใครเบรค “กัน จอมพลัง” ยุ่งคดีพีช ฟาด "เต้ มงคลกิตติ์" หลังปูดข่าว
"เจ้าอาวาส" สุดทนขึ้นป้าย “ไม่มีเงินให้ขโมยแล้ว” หลังคนร้ายงัดตู้บริจาคหลายครั้ง
“ทักษิณ” กลับเชียงใหม่อีกครััง เปิดให้รดน้ำดำหัว ขอพรในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนช่วย “อัศนี” หาเสียงพรุ่งนี้
“นายกฯ” เตรียมลุยประชุม ครม.สัญจร หลังออกจาก รพ.แล้ว จ.นครพนม 28-29 เม.ย.นี้
"ดีอี" ยกระดับศูนย์ AOC 1441 สู่ ศปอท. เพิ่มประสิทธิภาพบูรณาการข้อมูลปราบ “โจรออนไลน์”
"กนก" โพสต์แฟนข่าว "ท็อปนิวส์" เต็มอิ่ม สนุกสุดทัวร์ย้อนประวัติศาสตร์ "ลั่วหยาง-ซีอาน"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น